Friday, 29 March 2024
NEWSFEED

มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย เปิดรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ 2566 พบมีทั้งสิ้น 189 ร้าน ในจำนวนนี้มี 53 ร้านได้รับการจัดอันดับครั้งแรก

มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย เปิดรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ 2566 พบมีทั้งสิ้น 189 ร้าน ในจำนวนนี้มี 53 ร้านได้รับการจัดอันดับครั้งแรก

.

มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปลุกกระแสความสนใจก่อนงานประกาศผลรางวัลดาวมิชลินและการวางจำหน่ายคู่มือ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย

.

ฉบับประจำปี 2566 ด้วยการเผยรายชื่อร้านอาหารและสตรีทฟู้ดคุณภาพดีราคาย่อมเยาที่ผ่านการคัดเลือกจนได้รับสัญลักษณ์ "บิบ กูร์มองด์" (Bib Gourmand) ประจำปี 2566 โดยมีทั้งสิ้น 189 ร้าน แบ่งเป็นร้านใหม่ที่ได้รับจัดอันดับครั้งแรก 53 ร้าน

.

ในจำนวนร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับสัญลักษณ์บิบ กูร์มองด์ ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 82 ร้าน และอีก 13 ร้าน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

.

ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มีด้วยกัน 27 ร้าน และที่ภาคใต้ ในจังหวัดภูเก็ต 23 ร้าน, พังงา 11 ร้าน และ 33 ร้าน ใน 4 เมืองตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

.

อย่างที่ทราบกัน มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับประจำปี 2566 ได้ขยายขอบเขตการคัดเลือกร้านอาหารไปยังภาคอีสานเป็นครั้งแรก โดย 9 ร้านอยู่ในนครราชสีมา, 11 ร้าน ในขอนแก่น, 6 ร้าน ในอุบลราชธานี และ 7 ร้าน ในอุดรธานี

.

แนวคิดของสัญลักษณ์บิบ กูร์มองด์ เป็นการสื่อความหมายไปถึงร้านอาหารและร้านอาหารสตรีทฟู้ด ที่มีการนำเสนออาหารคุณภาพดี มีการจัดเตรียมที่พิถีพิถัน และที่สำคัญมีราคาไม่แพงไม่เกิน 1,000 บาท

.

จุดที่น่าสนใจของประเทศไทยอยู่ตรงที่ ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอาหารสตรีทฟู้ดที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ 2566 มากถึง 84 ร้าน ซึ่งจุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของอาหารไทย

.

 และสามารถเรียกได้ว่าเป็นดินแดนสวรรค์ด้านสตรีทฟู้ด ในส่วนร้านอาหารระดับภัตตาคารได้รับ “บิบ กูร์มองด์” ทั้งสิ้น 105 ร้าน

.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/2555561

 

คนไทยไม่ต้องกักตัว ไต้หวันเอาใจนทท. ให้บัตร ซื้อชานมไข่มุก ช้อปปิ้งสินค้าฟรี

สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ หรือ กทท. เร่งเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ออกแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ในกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” พร้อมแนะ 3 ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่คนไทยต้องไปสัมผัส ตอกย้ำแนวคิด “ไต้หวัน หัวใจแห่ง เอเชีย” (Taiwan, The Heart of Asia) โดยคาดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไต้หวันปลายปีกว่า 18,000 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 450 ล้านบาท

คุณซินดี้ เฉิน (Cindy Chen) ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.)กล่าวว่า ไต้หวันเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ได้เดินทางเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมและเทศกาลที่หลากหลาย พร้อมดื่มด่ำกับความอร่อยของอาหารสไตล์ไต้หวันแท้ ๆ  ซึ่งหลังจากเปิดประเทศตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางเข้ามาเที่ยวไต้หวันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ให้ความสนใจ เดินทางมาเป็นกรุ๊ปแรกๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนคิดถึงบรรยกาศของการท่องเที่ยวต่างประเทศ และไต้หวันนั้นเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่คนไทยนึกถึง

 โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปีของการปิดประเทศที่ผ่านมา ไต้หวันได้มีการพัฒนาและเปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย พร้อมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปสัมผัสและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน สำหรับ 3 ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่รอให้ไปสัมผัสประสบการณ์ ได้แก่

Rongjin Gorgeous Time แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเป เดิมเป็นบ้านพักราชการระดับสูงในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน สถานที่แห่งนี้ยัง คงอัตลักษณ์การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ สีน้ำตาลเข้ม หลังคาลาดเอียงเรียบง่ายเรียงรายต่อกัน ภายในประกอบไปด้วยร้านค้ามากมาย อาทิ ร้านอาหาร Always Elegant ร้านขนมเบเกิล Good Cho’s ร้านขนม Jin Jin Ding ร้านแพนเค้กคาเฟ่ Kyushu และคาเฟ่ Simple Kaffa นอกจากนั้นยังมีร้านเช่าเสื้อผ้า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพเหมือนได้อยู่ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครอง อีกทั้งร้านของฝากที่รวบรวมของที่ระลึก รวมถึงร้าน Pet Shop เลือกของฝากสำหรับสัตว์เลี้ยง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า โดยมาลงที่สถานี Dongmen และเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น.

Babbuza Dreamfactory โรงงานเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับทุกคนในครอบครัว ตั้งอยู่ที่เมืองหนานโถว ไฮไลต์ของที่นี่คือ ต้นไม้ยักษ์ หรือ Tree of Life ที่มีความสูงถึง 30.8 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถไต่ระดับความสูงขึ้นไปบนพื้นใสๆ โดยการเดิน หรือถ้าใครชอบความแอดเวนเจอร์สามารถปีน “หน้าผาต้นไม้ยักษ์” หรือโรยตัวลงมาจากเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมไต้หวันผ่านจอ 5 มิติ ที่สัมผัสได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และจำลองการใช้ชีวิตของคนไต้หวันโบราณ ผ่านโรงจอดรถเล็ก ๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชม เปิดให้บริการเวลา10.00 – 18.00 น. และปิดบริการทุกวันอังคาร

Zhengbin Fishing Harbor หรือ “บูราโนแห่งไต้หวัน” ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะเหอผิง นครจีหลง เป็นท่าเรือที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวัน และเป็นหนึ่งในสถานที่ จัดงานแข่งเรือมังกรในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง และพบกับพิพิธภัณฑ์เรือประมงที่มีชื่อว่า “เรือศิลปะพื้นบ้าน” พิพิธภัณฑ์เรือแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนทะเล สำหรับอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ได้รับการเติมแต่งสีสันที่สวยสดงดงาม ในช่วงเวลาสาย ๆ จะพบกับเงาของอาคารสีสดสาดแสงส่องเป็นเงาลงมายังพื้นน้ำสีเขียวมรกตจนถูกเรียกขานกันว่าเป็น “บูราโนแห่งไต้หวัน” สถานที่ที่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงท่าเรือแห่งนี้ คือการกิน ชิกุวะสไตล์ไต้หวันที่เสียบไม้ย่างร้อน ๆ ที่รับรองว่าหอมอร่อยถูกปากรสชาติคนไทย  โดยท่าเรือแห่งนี้เปิดทำการทุกวันและสามารถเดินทางมาได้ด้วย Taiwan Tourist Shuttle

คุณซินดี้ กล่าวเสริมว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจเดินทางมาไต้หวัน การท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบทัวร์ ผ่านกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” โดยนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพคเกจทัวร์ไต้หวัน ขั้นต่ำ 24,000 บาทกับบริษัททัวร์ที่ร่วมรายการ จะได้รับบัตร Easy Card บัตรที่นิยมใช้ในไต้หวันสามารถใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อชานมไข่มุก มาสก์หน้า ช้อปปิ้งสินค้าในตลาดกลางคืนในมูลค่า NT$599 และของที่ระลึกสำหรับการเดินทางอีก 1 ชุดทันที อีกทั้งคนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่จำเป็นที่จะต้องกักตัว ไม่มีการระบุเงื่อนไขด้านวัคซีน และไม่ต้องขอวีซ่าการเดินทาง เพียงแต่ขอความร่วมมือในการตรวจ ATK ที่ได้รับจากทางสนามบินเมื่อเดินทางถึงไต้หวัน และขอความร่วมมือให้ตรวจทุก 2 วันหากมีการออกนอกที่พัก

“ไต้หวัน ยินดีและพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ให้ได้สัมผัสกับสถานที่ที่สวยงาม เทศกาลต่าง ๆ ตลอดจนวัฒนธรรมและอาหารที่หลากหลาย รอให้ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวได้มาค้นหาและได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม สมกับเป็นจุดมุ่งหมายที่ขึ้นชื่อว่าหัวใจแห่งเอเชีย (The Heart of Asia) อย่างไรก็ดีภายหลังจากเปิดประเทศอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยมาตรการและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ คาดว่าในสิ้นปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศกว่า 18,000 ราย และสร้างรายได้กว่า 450 ล้านบาท” คุณซินดี้ กล่าวทิ้งท้าย

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ โดยจัดทริปท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง บินแบบเช่าเหมาลำ หรือเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ผ่าน ในงาน Thailand International Travel Fair (TITF) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 และหากต้องการทราบข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไต้หวันสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.taiwantourism.org/th/  หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism Bureau TH Instagram : taiwantourism.bkk


ที่มา บางกอกทูเดย์

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2565) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี ประจำปี 2564 จำนวน 30 คน โดยแบ่งเป็นระดับปริญญาเอก จำนวน 26 ราย และระดับปริญญาโท จำนวน 4 ราย และพระราชทานทุนการศึกษา “ศรีเมธี” ให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจากสถาบันฯ จำนวน 4 ราย รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 5 จำนวน 2 ราย โดยมี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมกับคณะผู้บริหารและพนักงาน กลุ่ม ปตท. เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

.

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของสถาบันวิทยสิริเมธี ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ งานวิจัยทางด้านระบบปัญญาและหุ่นยนต์ (Al and Robotic) งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน การพัฒนาแบตเตอรี่และวัสดุคุณภาพภาพสูง (Energy Materials & Environment) และงานวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าขยะอินทรีย์ อนึ่ง สถาบันวิทยสิริเมธี ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมกันสร้างนักวิจัย พัฒนางานวิจัยที่มีศักยภาพไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของสถาบันฯ

.

ต่อมาทรงเป็นประธานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สถาบันวิทยสิริเมธี และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) พื้นที่ประมาณ 88 ไร่

.

เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ให้เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่องานวิจัยทางด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และด้านอื่น ๆ โดยเครื่องกำเนิดแสงที่จะจัดสร้างนี้ มีค่าระดับพลังงาน 3 GeV และใช้เทคโนโลยี Double Triple Bend Achromat (DTBA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แสงซินโครตรอนมีความสว่างจ้ามากกว่าเดิม 1 ล้านเท่า และรองรับระบบลำเลียงแสงได้สูงถึง 22 ระบบ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านงานวิจัยได้หลากหลาย

.

จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรม (Fabrication Center) ซึ่งเป็นห้องทดลองสำหรับนักเรียนในการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ตามแนวคิดของตนเอง พร้อมทรงติดตามความก้าวหน้าและความยั่นยืนของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยมี

.

รองศาสตราจารย์ ดร.บุญโชติ เผ่าสวัสดิ์ยรรยง ผู้อำนวยการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กราบบังคมทูลรายงาน ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปยัง “ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา” ซึ่งเป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญในการพัฒนาภาพลักษณ์ของเกษตรกรไทยยุคใหม่ ให้เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจและยั่งยืน โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และ นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือและแพลตฟอร์ม “สวนสมรม” ที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบการเกษตร

.

ต่อมาทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนลานใจบ้าน สถาบันวิทยสิริเมธี โดยมีนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ และนำเสนอนิทรรศการโครงการด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผลงานของ ปตท.สผ. ร่วมกับพันธมิตร ที่จะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านแนวคิด EP Net Zero 2050 ของ ปตท.สผ. นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยี Smart Forest Solution ซึ่งเป็นผลงานของ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส หรือ เออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ในเครือ ปตท.สผ. โดยเป็นเทคโนโลยีเพื่อการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โครงการด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืนของ ปตท.สผ. ภายใต้แนวคิด “ทะเลเพื่อชีวิต” (Ocean for Life) เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้กับระบบนิเวศใต้ทะเล

.

จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงโดรนแปรอักษรประกอบ แสง สี เสียง ซึ่งกลุ่ม ปตท. โดย ปตท.สผ. และบริษัท เออาร์วี จัดแสดงขึ้นด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยใช้โดรนจำนวนกว่า 700 ลำ ทำการแสดงรวม 9 ภาพ ในรูปแบบ 3 มิติ ผสานม่านน้ำมัลติมีเดีย ในชื่อชุด “ความยั่งยืนจากท้องทะเลสู่ท้องฟ้า เหล่าประชาร่วมเทิดพระเกียรติ” โดยนำเสนอความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เชื่อมโยงสู่การใช้เทคโนโลยีโดรนและปัญญาประดิษฐ์เพื่อดูแลความสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่ง รวมถึงเพื่อพัฒนาภาคการเกษตรของไทย และพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เทรนด์การบริโภคของคนไทยเริ่มเปลี่ยน

เทรนด์การบริโภคของคนไทยเริ่มเปลี่ยน แม้ส่วนใหญ่ยังคงนิยมรับประทานอาหารในบ้านทุกวัน แต่บางกลุ่มเริ่มกลับไปเข้าร้านอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะร้านอาหารทั่วไป ริมบาทวิถี ส่วนร้านหรูแนวโน้มลดลง
.
ความถี่ในการรับประทานอาหารนอกบ้าน เกือบทุกอาชีพและช่วงรายได้ไปรับประทาน 1-2 ครั้ง/เดือน โดยเฉพาะพนักงานของรัฐ ผู้ประกอบการ อาชีพอิสระ และผู้มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท/เดือน
.
แต่ เป็นที่น่าสังเกตว่า นักศึกษา พนักงานเอกชน พนักงานของรัฐ และผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 20,001-50,000 บาท/เดือน จะนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน (มากกว่า 1-2 ครั้ง/เดือน) ในสัดส่วน ที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพและช่วงรายได้อื่น
.
ขณะที่เกษตรกร ผู้ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ และผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน จะไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน
.
ส่องค่าใช้จ่ายมากสุดรายได้น้อยกว่า 5,000 บาท ซึ่งไม่เกิน 100/คน/มื้อ
.
ถ้าไปดูค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้าน เกือบทุกอาชีพและช่วงรายได้มีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 300 บาท/คน/มื้อ ยกเว้นเกษตรกร ผู้ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ ที่มีสัดส่วนไม่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอาชีพอื่น และทั้ง 2 อาชีพส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเช่นกัน
.
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 5,000 บาท/เดือน มีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 100 บาท/คน/มื้อ ในสัดส่วนที่สูงกว่าช่วงรายได้อื่น และผู้ที่มีรายได้มากกว่า 40,000 บาท/เดือน จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 300 บาท/คน/มื้อ
.
ร้านทั่วไป-สตรีทฟู้ดยังฮอต
.
ส่วนใหญ่กลุ่มที่รับประทานอาหารนอกบ้าน นิยมไปร้านอาหารทั่วไปและริมบาทวิถี  แต่ร้านระดับหรูมีแนวโน้มลดลงในทุกสาขาอาชีพและช่วงรายได้ เช่นเดียวกับร้านระดับกลางมีแนวโน้มลดลงในเกือบทุกสาขาอาชีพเช่นกัน ยกเว้นพนักงานของรัฐ และลดลงเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน
.
จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มพนักงานของรัฐ ลดการรับประทานอาหารเฉพาะร้านระดับหรู แต่ยังคงรับประทานอาหารในร้านประเภทอื่นตามเดิม
.
ขณะที่เกษตรกร ลดการรับประทานอาหารนอกบ้านเกือบทุกประเภทยกเว้นร้านริมบาทวิถี และกลุ่มผู้ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ ลดการรับประทานอาหารนอกบ้านในร้านอาหารทุกประเภท
 

งบน้อยก็เที่ยวได้ เปิด HOW TO คุมงบเที่ยว ตปท.ยังไง ใน10,000 บาท

พกเงินมา 10,000! ก็เที่ยวต่างประเทศฉบับคนงบน้อยได้แบบจัดเต็ม สลัดความบานปลายของวงเงินการตะลอนทัวร์ให้หมดไป แล้วหันมาเติมพลังงานความสุขให้หัวใจได้กลับมามีไฟใช้ชีวิตด้วยการออกไปผจญภัย สัมผัสธรรมชาติสวยๆ ผู้คนมากหน้าหลายตาและวัฒนธรรมแปลกใหม่ได้ง่ายๆ เพียงท่องไว้ว่าทุกอย่างบนโลกนี้มีช่วงเวลาโปรโมชั่นให้เราตักตวงได้เสมอ ทั้งค่าตั๋วเดินทางและที่พัก แต่ที่ซื้อได้เลยแบบไม่ต้องรอคือแผนประกันการเดินทาง ที่ดูแลครอบคลุมการเดินทางทั้งในเอเชียและทั่วโลก ลดความเสี่ยงกับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มระหว่างทริปโดยไม่จำเป็น โดยสามารถเลือกแผน พร้อมเลือกความคุ้มเสริมเพิ่มได้ตรงใจ คุ้มค่าเบี้ยกรมธรรม์รวมแล้วครบ ทริปจบในหมื่นเดียว ออกไปท่องโลกกว้าง เที่ยวต่างประเทศแบบคนงบน้อย นอกจากพาสปอร์ต สัมภาระและหัวใจ ต้องเตรียมคุมงบอะไร กันค่าใช้จ่ายบานปลายแบบไหนได้บ้าง มาเช็กลิสต์ตามนี้ได้เลย

จัดกระเป๋าพร้อมเที่ยว ต้องเตรียมคุมงบอะไรบ้าง
 
1.คุมงบตั๋วเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ งบน้อย ท่องไว้เลยว่ายิ่งไกลจากวันเดินทางได้มากแค่ไหน ราคาตั๋วยิ่งถูกมากเท่านั้น การจองตั๋วเดินทางแบบ Low Cost ไว้ล่วงหน้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเดินทางไปยังประเทศใกล้ๆ ลองเล็งดูให้ดีเพราะแทบทุกไตรมาสของปี สายการบินต่างๆ จะพากันออกมาจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มให้เราตาลุกวาวอยู่เสมอ แต่ต้องแลกกับวันเดินทางที่แน่นอนไม่สามารถเลื่อนเข้าออกได้ หรือถ้าเลื่อนได้ก็อาจต้องแลกมากับค่าธรรมเนียมที่โหดเอาเรื่อง ต่างกับประกันการเดินทางที่เลื่อนแผนการคุ้มครองกรมธรรม์ให้คุณได้สูงสุดถึง 2 ปี ถึงติดงานทริปล่มไม่ได้บินก็แจ้งเลื่อนวันได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ยืดหยุ่นขั้นสุดเลย

2.จองที่พักล่วงหน้า
 
อยากเที่ยวต่างประเทศแต่มีงบอยู่ 10,000 ก็เที่ยวได้สบาย โฮสเทลคือที่พักราคาประหยัดขั้นสุดที่นักเดินทางเลือกใช้ หรือจะขยับขึ้นมาอีกนิดเป็นโรงแรมขนาดเล็กก็ยังไหว เพียงแค่คุณต้องทำการจองไว้ล่วงหน้า และอย่าลืมอ่านรีวิวที่พักให้รอบด้าน เพราะความถูกที่ได้มาบางครั้งอาจแลกกับความสะดวกสบายหรือความเป็นส่วนตัวที่ลดลง ที่พักบางแห่งให้จ่ายเงินครบจำนวนตั้งแต่วันที่ทำการจองเพื่อแลกกับส่วนลด ต่างกับบางที่สามารถทำการจองและชำระเงินเต็มจำนวนได้ในวันที่เข้าพัก ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์การเลื่อนวันจองโรงแรมอาจเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอ่านเงื่อนไขโปรโมชั่นให้ละเอียดก่อนตกลงปลงใจ

3.กินเที่ยวตามแพลน

เที่ยวต่างประเทศฉบับงบน้อยต้องตีแผนการเดินทางให้แตก ไปประเทศไหนต้องใช้บัตรผ่านอะไรบ้าง คุณสามารถกดซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ตั๋วโดยสารรถไฟภายในประเทศ เที่ยวดิสนีย์แลนด์ และเรือข้ามฟาก ในราคาที่เป็นมิตรมากกว่าการตรงดิ่งเข้าไปซื้อหน้าตู้ เพียงกดจองผ่านระบบออนไลน์ นอกจากจะได้ราคาดีเหมาะกับสายเซฟงบแล้ว ยังช่วยลดขั้นตอนและประหยัดเวลาต่อคิวซื้อตั๋ว เดินผ่านประตูไปเที่ยวได้แบบผ่านฉลุย ส่วนเรื่องอาหารการกินถ้าคิดจะตามรอยร้านดังค่าอาหารอาจสูงขึ้นจากปกติตามดีกรีความฮิต แต่โดยทั่วไปหลายประเทศมีสตรีทฟู้ดและอาหารท้องถิ่นที่กินง่าย งบไม่บานปลายให้เลือกได้หลากหลายตามงบ

4.แลกเงินให้พร้อมลุย 

ไปเที่ยวที่ไหนต้องใช้ค่าเงินในประเทศนั้นๆ ทริคในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินไทยเป็นค่าเงินต่างประเทศให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด คือการสังเกตอัตราการแลกเปลี่ยนที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นลดลงไปในแต่ละวัน หรือลองทำรายการเปรียบเทียบค่าเงินที่แลกได้จากร้านต่างๆ ที่ไหนให้มากกว่าก็จิ้มรัวๆ เลือกที่นั่นได้เลย

รู้ทริคคุมงบก่อนแพ็กกระเป๋า กำเงินหมื่นเดียว! ไปเที่ยวต่างประเทศแบบคนงบน้อยไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องวางแผนการเดินทางไว้ให้พร้อม กับ 5 ประเทศแนะนำ ด้วยเวลา 4 วัน 3 คืน ที่จะทำให้คุณออกไปเผชิญโลกกว้างได้อย่างเซฟเงิน

แนะนำ 2 ประเทศ เที่ยวต่างประเทศฉบับคนงบน้อย (ไม่เกิน 10,000)

1.เวียดนาม
ประเทศแห่งวัฒนธรรมใกล้ไทย เหมาะกับทริปเที่ยวต่างประเทศฉบับคนงบน้อยสุดๆ เดินทางได้หลายรูปแบบ เลือกวิธีได้ตามถนัด ทั้งแบบรถทัวร์-รถไฟก็เซฟงบได้ไม่เบา แต่ถ้ากดซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้ได้ก็ประหยัดเวลาเดินทางไปอีกเยอะ ตีตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่ต้องจองล่วงหน้า แต่ละจุดอยู่ในราคาหลักร้อย ด้วยขนาดประเทศที่กว้างมากขอให้เที่ยวเลาะตามเส้นทาง อย่าง เวียดนามกลาง เว้ ฮอยอัน และจบที่ฮานอย หรือแบ่งขึ้นสายเหนือ แยกกับสายใต้อีกทริป เพื่อไม่ให้งบประมาณบานปลายละลายไปกับการเดินทางข้ามพื้นที่

2.มาเลเซีย
เข้าประเทศมาเลเซียแบบประหยัดสุดคือขึ้นเครื่องบินแลนด์ดิ้งลงสงขลา จากนั้นจึงต่อรถทัวร์เข้าประเทศ หรือถ้าเจอตั๋วราคาดีจะเลือกไฟลท์บินตรงแบบถึงปุ๊บเที่ยวปั๊บก็ทันใจ แนะนำให้เช่ารถส่วนตัวขนาดมินิเพื่อใช้เดินทางในประเทศ จะเป็นสายชอป… ชิม… ชิลล์ เที่ยวเก็นติ้ง ไฮแลนด์ หรือชอบธรรมชาติไปพิชิตยอดเขาโคตาคินาบาลูก็เดินทางไปได้ จบในงบเพราะค่าน้ำมันที่นี่ถูกมาก จึงเหมาะสำหรับใครที่ต้องการเดินทางเที่ยวต่างประเทศแต่มีงบน้อย

ที่มา: cigna

Singha Food

Singha Food จัดงานเทศกาลแห่งความสุขและความอร่อยแบบเต็มพิกัด “Singha Food Festival” 
รวบรวมบรรดาร้านอาหารดังระดับพรีเมี่ยมกว่า 30 ร้านมาไว้ที่ใจกลางเมือง ณ ลานมรกต เซ็นทรัลชิดลม 
อาทิ Croissant Taiyaki, เหลือใจ, Chef Pom, Smoke.BKK, เจ๊แดงสามย่าน, Chim Ramen and diner
, โคตรยำ, Teyaki, Buzz Dog Hotdog & Fries, Tokki Izakaya, อองตอง ข้าวซอย, Mickey’s Diner BKK และ Mr.Lim Gimbap 
.
ให้ประชาชนได้เลือกซื้อเลือกชิมกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sustainability” ที่ปราศจาก Single-Use Plastic 
เพลิดเพลินกับอาหารที่หลากหลายไปด้วยกันโดยไม่ทำร้ายโลก
.
นอกจากร้านอาหารดังที่ยกกันมาแล้ว Singha Food Festival ยังเอาใจคนรุ่นใหม่ 
เสิร์ฟความสุขให้ผู้ร่วมงานไปอีกขั้น ด้วยบรรดาศิลปินคุณภาพที่ร่วมกันมามอบสีสันภายในงาน
.
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Scrubb, Burin Boonvisut, The Parkinson, Joey Boy, 
Tom Isara และ T-Bone พร้อมกับเหล่า ดีเจ.อีกมากมาย
.
สำหรับผู้คนที่สนใจอยากร่วมชิมอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มอีกมากมายในบรรยากาศดี ๆ ไปกับงาน 
Singha Food Festival สามารถมาเที่ยวงานได้ตั้งแต่วันที่ 11-13 พฤศจิกายนนี้ ณ ลานมรกต เซ็นทรัลชิดลม
.
ที่มา : ประชาชาติ
 

Brioni แบรนด์สุดเนี๊ยบ จากกรุงโรม ส่งตรงความหรูหรา สู่สุภาพบุรุษชาวไทย

หากพูดถึงชุดสูทสัก 1 ชุดเวลาใช้ออกงานนั้น จะต้องเป็นสูทที่เมื่อเวลาหนุ่ม ๆ ใส่แล้วจะช่วยในการเสริมบุคลิกและรูปร่างของหนุ่มให้ดูดี ดูเท่ ดูสมาร์ท และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคนใส่ ซึ่งหนุ่ม ๆ หลายคนมักจะประสบปัญหาว่าสูทที่ใส่อยู่นั้นไม่เหมาะกับตัวของคุณเอง บางครั้งอาจจะดูใหญ่จนเกินไป จนทำให้ความเท่ที่คุณมีอยู่นั้นหายไปเช่นกัน ดังนั้นเราควรเลือกสูทที่พอดีตัว และเหมาะสมกับคุณอยู่เสมอ ดังนั้นในการตัดสูทแต่ละครั้ง หรือเลือกซื้อเป็นสูทสำเร็จนั้น หนุ่ม ๆ ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ พนักงานสามารถคอยแนะนำวิธีเลือกสูทให้เหมาะกับคุณได้อีกด้วย  

.

วันนี้เรา Promotions.co.th ได้มีโอกาสเข้าไปที่ร้าน Brioni ที่เรียกได้ว่า ถ้าใครจะตัดสูทสักชุดนั้น จะต้องคิดถึงสูทแบรนด์จากประเทศอิตาลีแบรนด์นี้อย่างแน่นอน…

.

Brioni เป็นแบรนด์ออกแบบเสื้อผ้าในประเทศอิตาลี โดยเริ่มก่อตั้งที่กรุงโรม ในปี 1945 ซึ่ง Brioni นั้น เป็นที่รู้จักในเรื่องของการตัดเย็บเสื้อผ้าคุณผู้ชาย เสื้อผ้าสำเร็จรูป และหนังชั้นดี ซึ่งแนวคิดและความสร้างสรรค์ของแบรนด์นี้นั้น ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และโดนเด่น แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ

.

ถ้าหากคุณกำลังคิดว่าเราบินไปถึงประเทศอิตาลีนั้น ป่าวค่ะ เพราะว่าแบรนด์ Brioni นั้นก็มีสาขาอยู่ที่ไทย ขอบอกว่าเป็นสาขาแรกและสาขาเดียวเท่านั้นนะคะ ซึ่งถ้าหากใครไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างเกสร ตรงชิดลมอยู่บ่อย ๆ นั้น จะต้องสะดุดตากับร้านสูทร้านนี้อย่างแน่นอน โดยสาขาที่ไทยนั้น เปิดมาแล้วถึง 3 ปีด้วยกันแล้ว โดยในปีนี้เข้ากำลังสู่ปีที่ 4 แล้วในการเปิดให้บริการ เรามาดูกันที่บรรยากาศของร้านกันสักเล็กน้อย เมื่อคุณเดินเข้ามานั้น ขอ
บอกว่าการจัดวางของร้านนั้น ดูเรียบง่ายแต่กลับมีสไตล์น่าค้นหา ซึ่งภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนที่เป็นชุดลำลอง และ Accessories ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า รองเท้า เข็มกลัด แว่นตา และอื่น ๆ อีกมากมาย

.

ปิดท้ายด้วยห้องรับรองภายในร้าน ที่รอบ ๆ ห้องนั้นคุณสามารถเลือกดูชุดสูท และขอคำแนะนำเกี่ยวกับการตัดสูทได้เช่นกัน โดยทั้ง 3 ส่วนนั้นสามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้หมด

.

Brioni นั้น นอกจากคุณจะเลือกซื้อเป็นสูทสำเร็จ คุณสามารถที่จะสั่งตัดสูทจากร้านได้อีกเช่นกัน ซึ่งขอบอกว่าจุดเด่นของ Brioni นั้นคือ จะมีช่างบินตรงจากอิตาลีลัดฟ้ามาประเทศไทย เพื่อมาวัดตัวคุณโดยเฉพาะ เรียกว่าเป็น 1 ในการบริการที่คุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

.

โดยสูทที่สั่งตัดของทางร้านนั้น จะมีด้วยกันถึง 4 แบบหลัก ๆ ได้แก่ แบบคลาสสิค, แบบสลิม (Madison), แบบสลิมกลาง (Brunico) และแบบสลิมมาก ส่วนระยะเวลาในการสั่งตัดอยู่ที่ประมาณ 2-4 เดือน

.

ซึ่งสูท 1 ตัวของ Brioni นั้น จะมีฝีเข็มที่ทำด้วยมือ อยู่ที่ประมาณ 1,750 ฝีเข็ม เรียกว่าเป็นการผสมสานทั้งงานฝีมือและเครื่องจักรเลยก็ว่าได้ เราขอบอกว่าเป็นงานที่ประณีตมาก ๆ ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากตรงรังดุมของแขนเสื้อนั้น จะเป็นฝีเข็มที่ทำด้วยมือทั้งหมด ส่วนเนื้อผ้าตัวข้างในที่ยอดฮิต เพราะมีคนสั่งตัดอยู่บ่อย ๆ ก็คือ ผ้าแคนวาส ซึ่งผ้าชนิดนี้จะไม่ค่อยยับ และทิ้งตัวแบบมีน้ำหนัก

.

ในส่วนของราคาในการตัดสูทนั้น ขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและรูปทรง ซึ่งลูกค้านั้นสามารถที่จะกำหนดได้เอง โดยมีราคาสูงสุดที่เคยมีลูกค้าสั่งตัดนั้นอยู่ที่ 1,000,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนสูทสำเร็จของทางร้านนั้น ราคาอยู่ที่ประมาณ 190,000 – 230,000 บาท เรียกได้ว่าหนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังมองหาสูทอยู่นั้น ลองเลือกสูทแบรนด์นี้ดูนะคะ

.

แหล่งที่มา : https://promotions.co.th/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94/fashion-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-brioni-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2.html

ไม่น่าเชื่อ มุมนี้ ใจกลางกรุง!!

มื้อเย็นสุดฟิน!! ที่แทบไม่อยากจะเชื่อว่า ภาพนี้ คือ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ไม่ต้องบินไปไกลถึงนิวยอร์ก ก็ได้มุมมอง แสนอลังแบบนี้ พร้อมกับมื้ออาหารสุดพิเศษ


ที่นี้เลย โรงแรม Banyan Tree Bangkok สาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพฯ
พิกัด : https://goo.gl/maps/GUV1ZL9hbYLcyZin9
ร้านอยู่บริเวณชั้น 61 เปิดบริการ : 17.00 - 21.00 น. (ศุกร์-อาทิตย์)
โทร.สอบถาม หรือ จองโต๊ะ : 0-2679-1200
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/vertigotoo

จองตั๋วรถไฟ ขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยวเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

เริ่มวันนี้ (11 พ.ย.2565) จองตั๋วรถไฟ ขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยวเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2565 วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
.
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้จัดกิจกรรมเดินขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาสุดมิได้ต่อกิจการรถไฟไทย รวมถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอื่นๆ อีกนับพันโครงการ ที่สร้างความผาสุกแก่พสกนิกรภายในประเทศ
.
การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้นำรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ รุ่นแปซิฟิก หมายเลข 824 และ 850 รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลิตโดยบริษัท นิปปอน ชาร์เรียว จำกัด ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาและซ่อมบำรุงอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี มาจัดเดินขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว เส้นทางสายประวัติศาสตร์ระหว่าง สถานีกรุงเทพถึงสถานีฉะเชิงเทรา เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
.
โดยเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป อัตราค่าโดยสารรถธรรมดาชั้น 3 ไป - กลับ ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 299 บาท และตู้โดยสารปรับอากาศ (รถโอทอป) ราคา 799 บาท โดยผู้โดยสารจะได้รับบริการอาหารว่างและน้ำดื่มทั้งเที่ยวไป-กลับทุกที่นั่ง
.
ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วและสำรองที่นั่งล่วงหน้าด้วยระบบ D-Ticket หรือที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ www.railway.co.th (คลิก) หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
.
เปิดเส้นทางขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษนำเที่ยวกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ ขบวนที่ 903/904
.
•    ออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 08.10 น. ถึงสถานีฉะเชิงเทราเวลา 09.50 น.
.
•    นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในจังหวัดฉะเชิงเทราได้ตามอัธยาศัยประมาณ 6 ชั่วโมง อาทิ กราบ
.
สักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ไหว้ขอพรพระพิฆเนศวัดสมานรัตนาราม เดินชม ช้อปสินค้าที่ตลาดบ้านใหม่
.
•    ขบวนรถเที่ยวกลับออกจากสถานีฉะเชิงเทรา เวลา 16.30 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 18.10 น.
.
สถานีที่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร
.
•    สถานีมักกะสัน
.
•    คลองตัน
.
•    หัวหมาก
.
รฟท. ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา สามารถร่วมบันทึกภาพหัวรถจักรไอน้ำในเส้นทางที่ขบวนรถวิ่งผ่านได้ตลอดเส้นทาง
.
ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1037244
 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. CLOUD47Bangkok
Take Me Top