Friday, 26 April 2024
NEWS

เพิ่มคุณค่าให้ทรัพยากร!! ‘ปตท.’ มุ่งผลักดันพัฒนา ‘ขยะ’ เป็นทรัพยากรคุณภาพ สู่การขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ ของไทย

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ “ขยะ” ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย
.
จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ “ขยะ” ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน
.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ “Waste is MORE” โดยมี นายเชิดชัย 
บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ “ขยะ” ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ “ไม่ไร้ค่า” อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
.
นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมใน 3 มิติไปพร้อมกัน อันประกอบไปด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมชุมชนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ จึงได้จัดตั้งโครงการ MORE ร่วมกับ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด โดยมุ่งมั่นพัฒนางานวิจัยและออกแบบวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ ให้สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยนวัตกรรมการพัฒนาวัสดุด้วยกระบวนการ Upcycling วัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่มขึ้น
.
ความตั้งใจของโครงการ MORE โดย ปตท. ในการใช้นวัตกรรมเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทน โดยร่วมตีความวัสดุเหลือทิ้ง ได้แก่ เยื่อกาแฟ เศษใบอ้อย ฝุ่นไม้ อะลูมิเนียมฟอยล์จากกล่องยูเอชที ฝุ่นผ้า เศษแผ่น PVC ฝาขวดน้ำ เปลือกไข่ ร่วมกับ 8 นักออกแบบ ได้แก่ MORE, o-d-a, NUTRE JEWELLER, Kitt.ta.khon, mitr., TAKORN TEXTILE STUDIO, Designerd และ Spirulina Society ในการสรรสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งหวังของ ปตท. ในการผลักดันให้เศรษฐกิจ BCG ของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังหวังผลให้เกิดการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับเกษตรกรและชุมชนอีกด้วย โดยนิทรรศการ Waste is MORE นี้ เป็นส่วนหนึ่งของงาน Bangkok Design Week 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 12 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page : waste.wasteismore

มาตรการสู้ฝุ่น ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนักงาน Work from Home

วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2566) - นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี และขอนแก่น 
ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลด
ผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร
.
ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม 
ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 
“ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร 
ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 
(ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ 

ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 
ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน 
 

โอกาสเปิดกว้าง!! กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย มุ่งสู่ฮับผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์ของอาเซียน

กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย ดันเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล 
.
จับมือพันธมิตรต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สนับสนุน ‘ระบบนิเวศสร้างสรรค์’ ผ่านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนารายได้และคุณภาพชีวิตคนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
.
3 กุมภาพันธ์ 2566 – นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแพร่ขยายอิทธิพลทางค่านิยม หรือ วัฒนธรรม ที่นานาประเทศผลักดันให้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ปตท. เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดแนวคิดดังกล่าว เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงานให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” จึงจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ เสน่ห์ไทย ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Industry) ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย 
.
“ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE) เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์  หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 
.
1. สร้างคอนเทนต์ไทยสู่สากล ผ่านโครงการ Content Lab โดยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) จัดโปรแกรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ งานโฆษณา งานอีเวนต์ และเกม ให้กับนักเรียน นักศึกษา นักสร้างอนิเมชั่น และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อต่อยอดการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล รวมถึงได้รับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นนำของประเทศไทย โดยจะมีกิจกรรม Open House โครงการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
.
 2. สร้างบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ TGIF - Technology is Fun โดยนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการยกระดับซอฟท์พาวเวอร์ จัดแสดงที่มหาวิทยาลัย 11 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศได้ในเชิงพาณิชย์ 
.
และ 3. จัดแสดงศักยภาพซอฟท์พาวเวอร์ด้านศิลปะไทย ผ่านนิทรรศการ “Locating the Locals: A Virtual Exhibition by PTT” โดยคัดเลือกผลงานบางส่วนจากการจัดประกวดศิลปกรรม ปตท. ที่เคยได้รับรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 นำออกจัดแสดงอีกครั้ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมบนพื้นที่จัดแสดงศิลปะแบบเสมือนจริง (Virtual Art Gallery) ซึ่งนอกจากการจัดแสดงครั้งแรก ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว นิทรรศการนี้จะมีการจัดแสดงขึ้นอีกในงาน Bangkok Design Week 2023 ณ River City Bangkok ระหว่างวันที่ 4 - 12 กุมภาพันธ์ 2566 และ Isan Creative Festival 2023 ณ จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 1 - 9 เมษายน 2566 ซึ่งผู้สนใจยังสามารถชมนิทรรศการในโลกเสมือนที่ virtualspacebyptt.com ได้อีกด้วย”
.
ความร่วมมือในการสนับสนุนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท. ทดสอบความเป็นไปได้ในการสร้างธุรกิจและการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยยกระดับห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้ทัดเทียมสากล ช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพไปสู่การเป็นศูนย์กลางของการผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์ของอาเซียน ที่จะเพิ่มรายได้ให้ประเทศ เพิ่มการจ้างงานใหม่ในสาขาครีเอทีพและดิจิทัลได้ในระยะยาว อันจะเป็นส่วนหนึ่ง
ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

โดนใจสายสุขภาพ ปตท. หนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 จัดใหญ่ 4 จังหวัด กระจายความสุขสู่ภูมิภาค

ปตท. ส่งเสริมสุขภาพคนไทย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 ใน 4 จังหวัด
.
นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (ที่ 2 จากขวา) ร่วมงานแถลงข่าวพร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรม “เดิน - วิ่ง OLYMPIC 2023” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิระ รองประธานกรรมการ โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกีฬาเพื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อม ประธานจัดการแข่งขัน  เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ
.
ทั้งนี้ ปตท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมด้านกีฬา โดยได้สนับสนุนการจัดกิจกรรม เดิน - วิ่ง OLYMPIC มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศเพื่อกระจายรายได้สู่ภูมิภาค เนื่องจากในปีนี้กำหนดจัดการแข่งขันใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน จ.มุกดาหาร จ.เชียงใหม่ และ จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

ม.มหิดล – อินโนบิก ผลักดันงานวิจัย ซอสซ่อนผัก นวัตกรรมทางเลือก เพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย “ซอสซ่อนผัก และ ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก” นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็กๆที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่พียงพอรวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย งานวิจัย “ซอสซ่อนผัก” ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจาการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย
.
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย
.
รองศาสตราจารย์ ดร. ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า 
ผลงานวิจัย “ซอสซ่อนผัก” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ. ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกิดจากโจทย์วิจัยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ คือ กินผักผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วนต่อวันหรือไม่ถึง 400 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จากผลสำรวจพบว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 4 ใน 10 คน ที่กินผักผลไม้เพียงพอตามเกณฑ์แนะนำในแต่ละวัน ขณะที่เด็กวัยเรียนเพียง 2-3 คน จาก 10 คนเท่านั้นที่กินผักและผลไม้เพียงพอ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก การนำผลิตภัณฑ์อาหารที่คนนิยมรับประทานอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ดังเช่น ในรูปของซอสที่สามารถรับประทานได้กับอาหารประเภทต่างๆได้หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่ชอบกินผัก โดยเฉพาะเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือของสถาบันโภชนาการกับภาคเอกชน เพื่อทำให้ผลงานการวิจัยด้านอาหารและโภชนาการสามารถขยายผลสู่วงกว้าง เข้าถึงประชาชนคนไทยได้ง่ายขึ้น 
.
สถาบันโภชนาการ เชื่อมั่นว่าความสำเร็จในการผลิตและการตลาดของผลิตภัณฑ์ทั้งสองในวันข้างหน้า ซึ่งเริ่มต้นจากพิธีในวันนี้ จะเป็นก้าวแรกของการทำงานร่วมกัน ผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย นำผลงานวิจัยของสถาบันโภชนาการ ไปสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต สร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค 
.
รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กล่าวว่า การลงนามอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสซ่อนผักและซอสซ่อนผักสูตรเด็ก อันเป็นผลงานวิจัยของ
รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิง ดุลยพร ตราชูธรรม และคณะ ซึ่งประกอบด้วย อาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษา 
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล นับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จจากการนำเอาทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัยมหิดล ไปสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงในระดับอุตสาหกรรม โดยการอนุญาตให้ใช้สิทธิ หรือ Licensing 
.
ทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวแก่ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำและคร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจโภชนเภสัช (Nutraceutical) ด้านโภชนาการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
ในนามของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ iNT (อิ๊นท์) มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการส่งเสริมการสร้างความร่วมมือ และผลักดันผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดลให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในเชิงพาณิชย์และในเชิงสาธารณประโยชน์ พร้อมทั้งพัฒนาและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนต่อไป 

𝐇𝐎𝐋𝐈𝐃𝐀𝐘 𝐏𝐀𝐒𝐓𝐑𝐘 𝐅𝐥𝐚𝐠𝐬𝐡𝐢𝐩 𝐒𝐭𝐨𝐫𝐞

𝐇𝐎𝐋𝐈𝐃𝐀𝐘 𝐏𝐀𝐒𝐓𝐑𝐘 𝐅𝐥𝐚𝐠𝐬𝐡𝐢𝐩 𝐒𝐭𝐨𝐫𝐞

ร้านขนมหวานสุดฮิต ร้านสวยในย่านเจริญนคร ที่คนรอคิวซื้อขนมยาวมากก จัดเต็มทั้งขนม อาหาร และเครื่องดื่มในรูปแบบ All Day Dining

.

ภายในร้านจะตกแต่งสไตล์ Art Deco&Modern Comtemporary ที่ให้ฟีลเหมือนอยู่นิวยอร์ค mood&tone ดีมากๆ โทนการตกแต่งสีสันสะดุดตา ตัดด้วยกรอบทองเหลืองและไม้ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหรา แถมยังมีมุมสวนดอกไม้น่ารักๆด้านข้างร้านเพื่อเพิ่มความร่มรื่นอีกด้วย

.

ส่วนมุมถ่ายรูปต่างๆคือดีไม่ไหว สวยมากกกทุกมุมเลย ยิ่งมาช่วงบ่ายๆคือเดอะเบสมาก แสงดีมากก ถูกใจสายถ่ายรูปแน่นอนจ้า

.

ต้องบอกเลยว่า นอกจากจะร้านสวยปังแล้ว ยังเป็นร้านขนมแรกในไทย ที่นำเสนอเมนูขนมควบคู่กับการนำเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง 5 และ VR Reality Video เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในการทานขนม ใครที่ยังไม่ได้มาต้องห้ามพลาดละน๊า ไม่ผิดหวังแน่นอน

.

พิกัด : โครงการ OURS ซอยเจริญนคร 10 สามารถเดินทางมาโดย BTS สายสีทองลงสถานีเจริญนคร(iconsiam) ดูเส้นทางจาก Google Maps :https://maps.app.goo.gl/7SpcKFGTA3FSvkfo9?g_st=ic

.

เวลาเปิดปิด : 10:00-18:00 น.

.

#Cloud47X

#FutureisNow

#food

#perfect

#specialmenu

#goodtaste

#luxuryrestaurant

"Happiest Birthday to my Dearest @pek_c"

มีภาพหวานอยู่ทุกเทศกาลจริงๆ คู่นี้ สำหรับ เพลง ชนม์ทิดา ลูกสาวสุดที่รักของ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย กับอดีตสามี เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และล่าสุดกับโมเมนต์วันเกิดของฝ่ายชายที่เห็น เพลง ชนม์ทิดา
.
ออกมาโพสต์ภาพหวานแและอวยพรวันเกิดแฟนผ่านอินสตราแกรมไว้ และยังมีคลิปคำตอบที่ทุกคนอยากรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะมีข่าวดี
.

"Happiest Birthday to my Dearest @pek_c

Words could not describe how proud I am of the man you've become over the years.

เพลงดีใจที่เพลงได้เติบโตไปพร้อมๆกับเป๊ก ในวันนี้เป๊กอายุ 27ปี เพลงอยากบอกว่าเพลงภูมิใจในความตั้งใจจริงในการทำงานของเป๊ก mindsetที่โตขึ้นในการใช้ชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งมั่นในการที่จะเป็นผู้ให้ของเป๊ก เพลงจะคอยเป็นกำลังใจให้เป๊กในทุกๆก้าวนะ

As you said “ฝันให้ไกล และไปให้ไกลกว่าฝัน” … I’m sure this year will certainly be an amazing year for you. I will always be there, not behind or before you, but just right beside you in every step of the way.

P.S สำหรับหลายๆคนที่ชอบถามพวกเราว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดี คำตอบคือ ตามที่คุณเป๊กพูดเลยค่า #คุณเป๊กเป็นคนจริงจัง

PPGrowOldTogether"
.

'อนุทิน'เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์

'อนุทิน'เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์ พุ่งเป้าวิจัยกลุ่มโรควินิจฉัยยาก มะเร็ง โรคติดเชื้อ ดันศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย
.
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 เวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ซึ่งในการนี้ Lord Nick Markham CBE รมช.สาธารณสุขและการดูแลทางสังคม ได้เป็นผู้แทนลงนามในฝ่ายของสหราชอาณาจักร
.
ทั้งนี้ การลงนามได้มีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม สหราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ทางด้านสหราชอาณาจักรมีผู้เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม, National health services (NHS), Genomics England, National health services (NHS),UK Health Security agency, และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
.
นายอนุทิน กล่าวว่า  MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยโรคหายาก มะเร็ง เภสัชพันธุศาสตร์ โรคไม่ติดต่อ และโรคติดเชื้อ สำหรับรูปแบบของความร่วมมือ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้และเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนในการศึกษาดูงาน การประชุมเกี่ยวเนื่องที่สำคัญ การอบรม และจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ด้านจีโนมิกส์ และการพัฒนาฐานข้อมูลพันธุกรรมของประเทศ
.
“ความร่วมมือของ 2 ประเทศ จะนำไปสู่การหาทางออกสำหรับความท้าทายทางสุขภาพที่กำลังเป็นประเด็นเร่งด่วน ด้วยเป้าหมายในการใช้จีโนมิกส์วินิจฉัยผู้ป่วย เพื่อให้เกิดการค้นพบวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบริการด้านจีโนมิกส์ในประเทศไทย ซึ่งจะส่งเสริมเป้าหมายที่ไทยกำลังขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่สำคัญของโลกด้วย” นายอนุทิน กล่าว
.
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ภายหลังการลงนามผู้บริหารจากไทยและสหราชอาณาจักร ยังได้หารือในประเด็นทางการแพทย์และการวิจัยที่อาจขยายความร่วมมือไปสู่ความร่วมมือทางสาธารณสุขในมิติอื่นๆ ระหว่าง 2 ประเทศ  อาทิ Health innovations, หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตลอดจนความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรกับอาเซียนโดยจะมีไทยเป็นประเทศนำร่อง
.
ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับจีโนมิกส์ คือการค้นคว้าหากลุ่มยีนหรือพันธุกรรมของเซลล์สิ่งมีชีวิต เพื่อหารูปแบบการทำงานของยีน ความสัมพันธ์ของยีนกับสิ่งแวดล้อมในลักษณะต่างๆ ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ได้ให้ความสนใจต่อการวิจัยเกี่ยวกับการแสดงออกของยีนที่มีผลต่อการก่อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคหายาก โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาโรคที่แม่นยำ 
.
#ThePoint #ข่าวการเมือง #ไตรศุลีไตรสรณกุล #อนุทินชาญวีรกูล #รมวสาธารณสุข

เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมงานเนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ

นิทรรศการ "แดนสนธยา ๓ : Twilight Zone 3" เนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ ผลงานโดย อาจารย์ช่วง มูลพินิจ (Chuang Moolpinit) จัดแสดงระหว่างวันที่ 24 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ 2566 และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ณ ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : back
.
เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมงานเนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ
.
งานจัดที่ ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลป์ กทม.
ระหว่างวันที่ 24 ม.ค. - 12 ก.พ.2566
.
พิธีเปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566
โดย คุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้เกียรติเป็นประธาน
.
ในงานมีจำหน่ายหนังสือรวบรวมผลงานและภาพพิมพ์ที่ระลึก
.
http://exhibition.contestwar.com/node/3094
https://www.bacc.or.th/event/3126.html

มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ!! ‘ออน-ไอออน’ พร้อมบริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EV พร้อมเชื่อมความสุข ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา

ออน-ไอออน เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมเชื่อมต่อความสุข ให้ทุกการเดินทางไม่สะดุด ด้วยจุดบริการทั่วไทย

.

วันนี้ (18 มกราคม 2566) – นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) (ขวา) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด เชื่อมต่อความสุข เดินทางไม่สะดุด จุดบริการทั่วไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

.

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต เซ็นทรัล อยุธยา เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล พระราม 2 เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ เซ็นทรัล เวสต์เกต เซ็นทรัล อุดรธานี เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล ศาลายา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล โคราช เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งจากระบบ Android และ iOS นอกจากนี้ ออน-ไอออน ยังร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล มอบโปรโมชั่น “ช้อปดี ชาร์จฟรี 1 ชั่วโมง” ให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายในศูนย์การค้าครบ 800 บาทต่อวัน (รวมใบเสร็จได้) นำใบเสร็จมาแลกคูปองส่วนลดเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 ชั่วโมงฟรี มูลค่า 60 บาท ได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลแต่ละสาขา ที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2566 หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์

.

ออน-ไอออน ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลาย เพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

Viva & Aviv The River

Viva & Aviv The River อีกหนึ่งร้านอาหารบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่รับรองว่าต้องถูกใจ สายกินดื่ม สายนั่งชิล อย่างแน่นอน ที่นี่เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา สไตล์ Bar & Restaurant ที่ตอบโจทย์ใครที่กำลังมองหาร้านพิเศษๆ ไปกับคนรู้ใจ บอกเลยว่าวิวที่นี่หลักล้านจริงๆ

.

สถานที่ : River City - Unit 118, 23 Trok Rongnamkhaeng, Yotha Rd, Talat Noi, Samphanthawong, Bangkok

.

โทร 02 639 6305

.

.

ปตท.ให้ความสำคัญต่อเยาวชน จัดงานวันเด็ก นำเสนอโลกเสมือนใหม่ ภายใต้แนวคิด INNOVERSE

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารระดับสูง กลุ่ม ปตท. ร่วมเปิดกิจกรรมวันเด็ก ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. เพื่อเป็นของขวัญต้อนรับเด็ก ๆ ทุกคน หลังจากงดจัดกิจกรรมกว่า 2 ปี ตั้งแต่ปี 2563 จากสถานการณ์โควิด-19

.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชนไทยในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้มีความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ของกลุ่ม ปตท. อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมวันเด็กในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กลุ่ม ปตท. ตั้งใจสร้างสรรค์ ภายใต้หัวข้อ “INNOVERSE ขับเคลื่อนพลังสู่อนาคต” ซึ่งเป็นการรวบรวมสิ่งที่น่าสนใจของกลุ่ม ปตท. มานำเสนอแก่เด็กเยาวชนในโลกเสมือนจริง

ภายในงานปีนี้ มีกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานและเปิดโลกเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่เรียกว่า Metaverse ผ่านเทคโนโลยี VR AR และการสแกน QR Code เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ให้เด็ก ๆ ได้ท่องโลกผ่าน 6 ฐานกิจกรรม ได้แก่ ฐานกิจกรรม PTT Innoverse ฐานกิจกรรมตะลุยโลก Innoverse 3D ฐานกิจกรรมท่องโลกสีสันใต้ทะเลกับพี่ก๊อดจิ ฐานขับดีมีสุข ฐานดูหนังกับพี่ก๊อดจิ และตื่นตากับการชมนิทรรศการศิลปะจากกล้อง VR ผ่านบูธกิจกรรม PTT Virtual Art Gallery ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของโลกยุคปัจจุบันที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งเด็กและเยาวชน ในฐานะผู้เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ย่อมต้องติดตามและเรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข โดยไม่ละทิ้งการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ เพื่อจุดประกายความคิดให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ร่วมกัน

.

โดยบริษัทในกลุ่ม ปตท. 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ได้มาเข้าร่วมให้ความรู้และความสนุก ผ่านบูธกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรม Interactive Running เกม “วิ่งเพิ่มพลัง” และ Touchscreen เกม "ลดโลกร้อน" เพื่อมุ่งเน้นให้เยาวชนตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียนรู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่วิธีการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิชิตเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

.

นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ PTT Virtual Run ลมหายใจเพื่อน้อง ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เมื่อปี 2565 และนักเรียนที่อยู่บริเวณรอบคลังน้ำมันพระโขนงมาเข้าร่วมกิจกรรม

วันเด็กในครั้งนี้ด้วย รวมนักเรียน และเยาวชนร่วมงานกว่า 4,000 คน

พิพิธภัณฑ์ปลาเมืองฝูหย่วน

 (ซินหัว) — พิพิธภัณฑ์ปลาเมืองฝูหย่วน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฝูหย่วนหรือ “ขั้วโลกตะวันออกของจีน” มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์ปลาน้ำจืดที่จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำและระบบนิเวศบริเวณลุ่มแม่น้ำเฮยหลงเจียงและแม่น้ำอูซูหลี่
พิพิธภัณฑ์ฯ จัดแสดงปลามีชีวิต ตัวอย่างปลา และวิทยาศาสตร์ยอดนิยม รวมถึงสายพันธุ์ปลาเฉพาะถิ่นของแม่น้ำเฮยหลงเจียงและแม่น้ำอูซูหลี่ ทั้งยังจัดแสดงวัฒนธรรมการจับปลาและการล่าสัตว์ของกลุ่มชาติพันธุ์เฮ่อเจ๋ออีกด้วย
 

การท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคส่วนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น

(ซินหัว) — สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CTA) เผยแพร่รายงานประจำปีว่าด้วยการพัฒนาการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะของจีน ซึ่งคาดการณ์ว่าภาคการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะของจีนจะต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 520 ล้านคน และทำรายได้มากกว่า 7.2 แสนล้านหยวน (ราว 3.55 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นฤดูน้ำแข็งและหิมะปี 2024-2025 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคส่วนดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวฤดูหนาวและเศรษฐกิจน้ำแข็ง-หิมะ

.
รายงานระบุว่าภาคการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะของจีนรองรับนักท่องเที่ยว 344 ล้านคน ระหว่างฤดูน้ำแข็งและหิมะปี 2021-2022 ซึ่งสร้างรายได้สูงถึง 4.74 แสนล้านหยวน (ราว 2.33 ล้านล้านบาท) โดยภาคส่วนนี้กำลังมีแนวโน้มการเติบโตในเชิงบวก
ไต้ปิน ประธานสถาบันฯ เผยว่าการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะช่วยกระตุ้นความมีชีวิตชีวาให้กับประเพณีพื้นบ้านทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากการแข่งขันกีฬาปักกิ่ง โอลิมปิก ฤดูหนาว 2022 นวัตกรรมเชิงนโยบาย และการส่งเสริมจากรัฐบาลทุกระดับ ซึ่งทำให้ตัวเลือกการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคส่วนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น

.
รายงานชี้ว่าจีนลงทุนเงินราว 2.88 ล้านล้านหยวน (ราว 14.21 ล้านล้านบาท) ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะ นับตั้งแต่ปี 2016-2022 โดยเมื่อนับสิ้นปี 2022 มีสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องเกือบ 9,000 แห่ง ลงทะเบียนเข้าร่วมภาคส่วนน้ำแข็งและหิมะ ซึ่งในจำนวนนี้ลงทะเบียนในปี 2022 เพียงปีเดียว จำนวน 1,460 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.1 เมื่อเทียบปีต่อปี

.
“การท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะระยะไกลเริ่มฟื้นตัวท่ามกลางการปลดปล่อยศักยภาพการบริโภคของตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในภาคส่วนน้ำแข็งและหิมะของจีนจะสูงเกิน 300 ล้านคน ในช่วงฤดูน้ำแข็งและหิมะปี 2022-2023” หานหยวนจวิน เจ้าหน้าที่สถาบันฯ กล่าว

.
 

ภูเก็ตชวนเที่ยวงาน Thailand International Boat Show 2023

ภูเก็ตชวนเที่ยวงาน Thailand International Boat Show 2023 ในวันที่ 12-15 ม.ค. 66 นี้ ที่ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ภายในงานตื่นตากับเรือยอชต์สุดหรู 50 ลำ พร้อมด้วยกิจกรรมไลฟ์สไตล์หลากหลาย
.
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดภูเก็ต จับมือกันจัดงาน “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบ๊ท โชว์ 2023” (Thailand International Boat Show) ขึ้น ในระหว่างวันที่ 12-15 มกราคม 2566 ที่ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวภูเก็ตสู่สายตาคนทั่วโลกกับการกลับมาของเกาะภูเก็ตในฐานะจุดหมาย
ปลายทางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับเวิลด์คลาส พร้อมไฮไลท์กิจกรรมไลฟ์สไตล์มากมาย
.
จังหวัดภูเก็ตได้เชื่อว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการล่องเรือยอชต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญของการล่องเรือระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ เนื่องจากมีท่าจอดเรือระดับโลกอยู่ 4 แห่ง รวมถึงท่าจอดเรือซูเปอร์ยอชต์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนก่อสร้าง ภูเก็ตจึงเป็นจุดหมายที่เจ้าของเรือยอชต์จากหลาย ๆ ประเทศ เลือกที่จะจอดเรือเก็บไว้ที่ภูเก็ตแล้วค่อยบินมาล่องเรือ
.
นอกจากนี้ยังมีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกบินมาเช่าเรือยอชต์แบบเหมาลำและล่องเรือเพื่อการพักผ่อน ตลอดจนยังเป็นจุดศูนย์กลางของเรือซูเปอร์ยอชต์ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตาในภูมิภาคนี้อีกด้วย
.
นายเดวิด เฮย์ส ซีอีโอ แจนด์ อีเวนต์ เจ้าของและผู้จัดงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบ๊ท โชว์ เปิดเผยว่า “ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมเรือยอชต์ของไทยมีมูลค่าหลายพันล้านบาท และได้ต้อนรับเจ้าของเรือยอชต์จากทั่วโลก และไม่ว่าจะเป็นครูซไปจนถึงซูเปอร์ยอชต์ ปัจจุบันประเทศไทยได้กลับมาเปิดประเทศและต้อนรับผู้มาเยือนชาวต่างชาติอีกครั้ง และงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบ๊ท โชว์จะจัดขึ้นเพื่อให้ภูเก็ตและประเทศไทยกลับมามีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวทางทะเลในเวทีโลกหลังสถานการณ์โควิด-19 ยาวนานถึง 3 ปี
.
“ทั้งนี้ เป้าหมายของเราคือการเป็นจุดศูนย์รวมของคนในอุตสาหกรรม จัดแสดงแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ การบริการ และไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ชมที่เดินทางมาจากทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางการล่องเรือชั้นนำของโลกด้วย”
.
บริษัท แจนด์ อีเวนต์ (JAND Events) ในฐานะผู้จัดงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบ๊ท โชว์ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ สมาคมธุรกิจเรือยอร์ชไทย และงาน Thailand Charter Week มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสความสนใจในภูเก็ตและแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนั้นการจัดงานยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นการกระตุ้น
การเติบโตของการท่องเที่ยวทางทะเลและดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม HNWIs หรือ นักท่องเที่ยวที่มีความมั่งคั่งสูงสู่จังหวัดภูเก็ต
.
นายดิฐพงศ์ ฐิตะดิลก นายกสมาคมธุรกิจเรือยอร์ชไทย (Thailand Yachting Business Association) กล่าวเสริมว่า “นอจากทะเลแถบแคริบเบียนและทะเลแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการการล่องเรือในระดับโลกแล้ว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางการล่องเรือใหม่ ซึ่งมีภูเก็ตเป็นศูนย์กลาง โดยภูเก็ตยังคงมีศักยภาพสูงในการต้อนรับเจ้าของเรือยอชต์ ซูเปอร์ยอชต์ และนักท่องเที่ยวที่เช่าเหมาลำจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้สามารถมาเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจของน่านน้ำภูเก็ตและท้องทะเลโดยรอบ”
.
สำหรับงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบ๊ท โชว์ 2023 จะมีการจัดแสดงเรือยอชต์ต่าง ๆ จำนวน 50 ลำบนผืนน้ำ ในส่วนของพาวิลเลี่ยนบนฝั่งจะเป็นศูนย์รวมนำเสนอสินค้าลักชัวรีผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ทางทะเล รวมถึงโปรแกรมโซเชียลบนชายฝั่ง อาทิ ดนตรีสด อาหารและเครื่องดื่มที่จะให้บริการกันอย่างคึกคักบนทางเดินริมทะเลของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ตลอดจนกิจกรรมครอบครัวในวันเด็ก (วันเสาร์ที่ 14 มกราคม)
.
นอกจากนี้ภายในงานยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกคือ งานกาลาดินเนอร์การกุศล ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคมอีกด้วย
.
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.thailandinternationalboatshow.com/
.
ที่มา : mgronline


© Copyright 2022, All rights reserved. CLOUD47Bangkok
Take Me Top