พลาดไม่ได้แล้ว !! รวม รองเท้าผ้าใบฮิต ผู้ชายก็ใส่ได้ ผู้หญิงใส่ก็ดี
วันนี้ Cloud47 ขอนำเสนอกับ 5 รองเท้ายอดฮิต ที่ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายจะใส่ก็ได้หมด
.
แถมยังเป็นรองเท้าที่ใส่ได้กับแทบทุกลุค พร้อมกับใส่สบายอีกต่างหาก
.
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกซื้อคู่ไหนดีถือว่าห้ามพลาด เริ่มกันด้วยคู่แรก
1. VANS OLD SKOOL - BLACK/WHITE
สำหรับรองเท้าผ้าใบยอดฮิตคู่แรก ที่อยากแนะนำ คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ VANS OLD SKOOL - BLACK/WHITE บอกเลยว่าคู่นี้แทบจะเป็นซิกเนเจอร์ของยี่ห้อแวนส์เขาเลย เพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ไม่มีรุ่นใด
.
2. Nike Air Jordan 1 Zoom CMFT
สำหรับรองเท้าผ้าใบยอดฮิตคู่ถัดมา ขอแนะนำ Nike Air Jordan 1 Zoom CMFT อีกหนึ่งคู่ที่ตอนนี้คนฮิตใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่ถูกดีไซน์ออกมาได้อย่างโดดเด่น มีความเท่ห์ตามแบบฉบับของ Nike แต่ยังมีเรื่องของความทนทาน และน้ำหนักที่เบา ทำให้สวมใส่สบายอีกด้วย
.
3.Adidas Originals SUPERSTAR
ถัดมากันที่ อีกหนึ่งรองเท้าผ้าใบยอดฮิตตลอดการอย่าง adidas Originals SUPERSTAR ที่ออกแบบมาในยุค 70 ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็นไอเท็มที่ชาวสตรีทในยุคนี้ต้องรู้จัก เขามากับดีไซน์หัวรองเท้าสุดเป็นเอกลักษณ์รูปเปลือกหอย เพราะฉะนั้นรับประกันเลยว่าใครใส่ก็เท่ห์
.
4. Onitsuka Tiger MEXICO66
อีกหนึ่งคู่ที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ Onitsuka Tiger MEXICO66 คู่นี้เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าวิ่งของ Onitsuka Tiger หลายๆรุ่น มารวมกัน สำหรับการดีไซน์ บอกเลยว่าจะใส่ไปไหนก็ดูดี เข้ากับทุกลุค ส่วนเรื่องของคุณภาพ แบรนด์นี้เขาได้รับเลือกไปใช้ในทีมนักกีฬาของญี่ปุ่นในโอลิมปิกปี 1968 ดังนั้นเรื่องของความทนทานรับรองว่าดีไม่แพ้ความสวยงามแน่นอน
.
5. CONVERSE CHUCK TAYLOR ALL STAR MALDEN STREET
ถ้าพูดถึงรองเท้าผ้าใบ เชื่อว่าหลายๆคนต้องนึกถึงแบรนด์นี้ นั่นก็คือ CONVERSE และรุ่นที่จะมาแนะนำก็เป็นรุ่นสุดคลาสสิคอย่าง CONVERSE CHUCK TAYLOR ALL STAR MALDEN STREET และคู่นี้ เขาพิเศษตรงที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลประมาณ 50% บอกเลยว่านอกจากจะเท่ห์ สวมใส่สบายแล้ว ยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย
.
ครบแล้วกับ 5 รองเท้าที่น่าซื้อเพราะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใส่ได้ แถมยังใส่แล้วคลองตัวสุดๆ
เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ได้เนรมิตแลนด์มาร์คแห่งความสุข ต้อนรับเทศกาลปีใหม่นี้ และคริสต์มาสใน งาน CENTRAL EMBASSY PRESENTS “LET’S CELEBRATE 2023” เนรมิตทั่วทั้งศูนย์การค้าให้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ในคอนเซ็ปต์ FLOATING HAPPINESS ปล่อยความสุข ให้ล่องลอยไปกับดินแดนแห่งความฝัน
.
ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับการประดับตกแต่ง ต้นคริสต์มาส แบบ Inflatable Art ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับความสูงกว่า 13 เมตร ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่อดังระดับโลกชาวฝรั่งเศส Mr.Cyril Lancelin มีชื่อเสียงอันโด่งดังจากการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมแบบ Inflatable Art สีชมพูขนาดใหญ่ยักษ์ “The KNOT” พร้อมด้วยกิจกรรมและไฮไลท์สุดพิเศษมากมาย ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2565 - 8 มกราคม 2566 นี้
.
ที่มา TrueID, CENTRAL EMBASSY
.
ปตท. จัดงาน Gas Grows Zerotopia 2022 ส่งเสริมการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ Net Zero Emissions
.
หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนาวิชาการและนิทรรศการ Gas Grows Zerotopia 2022 เมื่อวันที่ 25 - 26 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยมี ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ พร้อมให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดการพลังงาน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักรให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการลดภาระต้นทุนในช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ผันผวน โดย ม.ล. ปีกทอง ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “สถานการณ์พลังงานและแนวทางการนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero” ทั้งนี้ ปตท. ในฐานะประธานเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) มุ่งหวังสร้างความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ในการตระหนักและผลักดันทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
.
ภายในงานมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. และหน่วยงานภาครัฐ ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานชั้นนำของประเทศร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดการพลังงานของภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อสนับสนุนการก้าวไปสู่สังคม Net Zero ตามเจตนารมณ์ของ ปตท. ที่พร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050
ปตท. จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 – 2565
.
วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) - ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 (ประจำปี 2563 – 2565) ภายใต้แนวคิด “รักษ์น้ำ ป่า ดิน ด้วยแฝกองค์ภูมินทร์ ฟื้นถิ่น ยั่งยืน” ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรร่วมจัด ได้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขยายผลการปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน
.
การจัดการประกวดครั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 58 ผลงาน ซึ่งแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภทผลงาน คือ
.
1. ประเภทส่งเสริมการปลูกและขยายผล จำนวน 38 ผลงาน แบ่งออกเป็น พื้นที่ลาดชัน พื้นที่เชิงลาดแหล่งน้ำไหล่ทาง พื้นที่ดินเสื่อมโทรมและดินที่มีปัญหา พื้นที่แหล่งเรียนรู้และขยายผลความยั่งยืน และหน่วยงานและส่วนราชการที่ร่วมส่งเสริมการปลูกและขยายผลการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ มีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 14 ผลงาน
.
2. ประเภทส่งเสริมหัตถกรรมผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก จำนวน 20 ผลงาน แบ่งออกเป็น ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านออกแบบและถ่ายทอดองค์ความรู้ผลิตภัณฑ์ มีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 11 ผลงาน
.
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ปตท. ได้ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายดำเนินงานโครงการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 16 ปี เพื่อสืบสาน รักษาและ ต่อยอด แนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ส่งผลให้เกิดการขยายผลการปลูกและใช้ประโยชน์หญ้าแฝกอย่างแพร่หลายในภาคประชาชน ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศ มีแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับสถาบันการศึกษา หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรเกิดการตื่นตัวหันมาปลูกหญ้าแฝกเพิ่มมากขึ้น เกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายคนรักษ์แฝก ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่ร่วมขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ดินและน้ำรวมถึงการต่อยอดจากรากสู่ใบ นำมาใบหญ้าแฝกมาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ทันสมัย เป็นผลิตภัณฑ์ครัวเรือน กระเป๋า ฯลฯ สามารถผลิตเป็นสินค้าจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ของมูลนิธิชัยพัฒนา ช่วยเสริมสร้างรายได้และพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนอีกด้วย
หากนึกถึง Sky Bay สุดหรู ใจกลางกรุงเทพฯ หลายคนคงมีร้านที่ประทับใจกันอยู่แล้ว เพราะมีอยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าหากเป็น Rooftop ที่อยู่บนตึกสูงๆ ชั้นดาดฟ้า มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
.
วันนี้เราจะมารีวิว “Sirocco” รูฟท็อปชั้น 63 โรงแรม Lebua บรรยากาศดี หรูหรา โรแมนติกมาก ฟิลเหมือนอยู่เมืองนอก เหมาะกับการวางแผนพาคู่รักไปสวีท ดินเนอร์ ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืน ให้มื้อนี้เป็นมื้อพิเศษ แต่ร้านจะสวยหรูแค่ไหน ตามมาดูกัน
.
Sirocco บาร์ท็อกเทลสุดหรู ตั้งอยู่บนตึกสเตททาวเวอร์ ชั้น 63 ของโรงแรมเลอบัวแอทสเตททาวน์เวอร์ เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ เป็น 1 ใน Rooftop Restaurant ที่มีชื่อเสียงมากในไทย จนเคยได้รับการจัดอันดับเป็น ภัตตาคารบนดาดฟ้าที่น่าอัศจรรย์ อยู่ในอับสับที่สองของโลก รองจาก Luna Roof Top Tapas Bar ของแม็กซิโก เพราะหากได้นั่งตรง Sky Bar ทุกคนจะสามารถได้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม วิวอลังการมาก แถมได้เห็นวิวเมืองกรุงเทพฯอีกด้วยนะ
.
ส่วนไฮไลท์ของร้าน Sirocco จะแบ่งเป็น 2 โซน โซนแรกนั่นคือ The Dome จะอยู่บนยอดโดมของโรงแรม Lebua เป็นโมสูงสีเหลืองทอง เอาไว้นั่งรับประทานอาหาร แต่ถ้าหากใครอยากจิบเครื่องดื่ม พร้อมบรรยากาศชิลล์ๆ โรแมนติกแนะนำที่โซน Sky Bar เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนชอบมานั่งดื่มด่ำบรรยากาศเช่นกัน เพราะจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดแสน Exclusive ได้มองวิวมุมสูง ยิ่งตอนกลางคืนจะเห็นแสงไฟของเมืองกรุงเทพแบบระยิบระยับตระการตา
.
มาดูในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มกันในร้าน Sirocco กันบ้าง แน่นอนว่าถ้ามา Roof Top สุดหรู และมีชื่อเสียงแบบนี้ ราคาอาจจะสูงเป็นธรรมดา เพราะอาหารเป็นอาหารชั้นเลิศ รสชาติดี อร่อย ถูกปากแน่นอน ส่วนเมนูแนะนสำหรับคนที่เพิ่งเคยไปครั้งแรก สลัด sirocco, กุ้งมังกร,ซี่โครงแกะ, เนื้อสันในย่าง นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลากหลายเมนูที่อยากให้ลองมานานกัน มีทั้งอาหารไทยและอาหารต่างชาติ ที่ผสมผสานกันแบบลงตัวสุดๆ ที่สำคัญยังมีดนตรีคอยบรรเลง ให้แขกผู้มาเยือนได้อิ่มเอมกับรสชาติอาหารและบรรยากาศเพิ่มขึ้น เหมาะแก่พาคู่รักมาเดท เพื่อเพิ่มความทรงจำอันแสนหวานในมื้อสุดพิเศษนี้
.
เครื่องดื่มที่ Sirooco มีทั้งแบบแอลกอฮอล์และโนแอล แต่ส่วนใหญ่คนที่มา Sirocco จะเน้นสั่ง เมนูค็อกเทล เพราะมีหลากหลายมาก สามารถถามบาร์เทนเดอร์ได้ เอาจริงๆโดยรวมเมื่อเทียบราคากับบรรยากาศแบบนี้ ถือว่าคุ้มค่ามาก นั่งเล่นได้เพลินๆ สบายๆ ชมวิวอันตื่นตาตื่นใจ ภายใต้แสงสีและวิวสุดอลังการ
.
อีกอย่างที่ทำให้คนรักและประทับใจ sirocco มากๆ คือพนักงานบริการดีมาก คอยบริการทุกอย่าง หากเราจะเดินไปชั้นต่างๆ เค้าจะคอยส่องไฟฉายให้เพื่อให้เราไม่สะดุด
.
สำหรับใครที่เป็นสายนั่งชิลล์ สาย Roof Top แล้วอยากจะพาคู่รักมาดินเนอร์สักมื้อ Sirocco เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้ลองมากัน กับบรรยากาศสุดหรูหรา และวิวสุดอลังการ เรียกว่าเป็น Roof Top อันดับต้นๆของไทย ที่เราไม่ควรพลาดมากๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้ แต่ขอบอกก่อนน้าว่า Sky Bar คนแน่นมาก แต่หากมาชิลล์ๆ สบายๆ สามารถมาได้เลย คุณจะได้อิ่มเอมกับอาหารชั้นเลิศ และบรรยากาศแสนจะโรแมนติก เรียกว่าเป็นมื้อสุดพิเศษอีกมื้อหนึ่งได้เลยค่ะ
.
การเดินทาง สามารถนั่ง BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ทางออก 3 แล้วเดินต่อมาที่ถนนเจริญกรุงประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอโรงแรม Lebua แล้วกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 63 จะเจอกับ Sirocco หากนำรถยนต์ส่วนตัวมาเอง สามารถจอดได้ที่ ลานจอดรถของอาคารสเตททาวน์เวอร์
.
พิกัด : Sirocco อาคารสเตททาวน์เวอร์ ชั้น 63 โรงแรม Lebua ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน เวลา 18.00 – 24.00 น. เบอร์ติดต่อ 02 6249999
.
ขอบคุณข้อมูล https://salehere.co.th/
.
'ล่องเรือ-บุฟเฟต์หรู' กินดื่มไม่อั้น ราคาไม่ถึงพัน !
โปรล่องเรือสุดหรู ชมวิวกรุงเทพ
Promotion วันนี้ - 30 ธ.ค.65
Pro1 : VELA Dinner (บริการทุกวัน)
ท่าเรือ : Asiatique
? 19.00-21.00 น.
◾️ผู้ใหญ่ 699 บาท (ปกติ 1,600)
◾️เด็ก4-10 599 บาท (ปกติ 1,400)
.......................................
Pro2 : White Orchid Twlight (เสาร์, อาทิตย์)
ท่าเรือ : Asiatique
? 17.00-18.45 น.
◾️ผู้ใหญ่ 699 บาท (ปกติ 1,600)
◾️เด็ก4-10 499 บาท (ปกติ 1,400)
.......................................
Pro3 : White Orchid Dinner (บริการทุกวัน)
ท่าเรือ : Asiatique
? 19.45-21.45 น.
◾️ผู้ใหญ่ 899 บาท (ปกติ 2,000)
◾️เด็ก4-10 599 บาท (ปกติ 1,500)
? พิเศษ จ-พฤ มา 4 จ่าย 3 ?
.......................................
Pro4 : White Orchid Dinner (บริการทุกวัน)
ท่าเรือ : ICON SIAM
? 19.45-21.45 น.
◾️ผู้ใหญ่ 899 บาท (ปกติ 2,000)
◾️เด็ก4-10 599 บาท (ปกติ 1,500)
? พิเศษ จ-พฤ มา 4 จ่าย 3 ?
.....................................................
พิเศษ ล่องเรือตรงเดือนเกิด "Free มินิเค้ก"
อัตราค่าบริการรวม
✔️ ค่าล่องเรือ
✔️ อาหารบุฟเฟ่ต์ไทย-นานาชาติ
✔️ บุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ด (กุ้งแม่น้ำ, หอยเผา)
✔️ แซลม่อน (เฉพาะไวท์ออร์คิด รอบดินเนอร์)
✔️ ซูชิ (เฉพาะไวท์ออร์คิด รอบดินเนอร์, และเวล่า)
✔️ เบียร์สด ฟรี !
✔️ การแสดงร้องเพลงสด
✔️ ??????? ชม รำไทย และคาบาเร่ต์โชว์ (เฉพาะไวท์ออร์คิด รอบดินเนอร์)
.......................................
สอบถาม-จอง
?088-088-0188
?Line@: https://lin.ee/w5Ipi51
(ที่มา เพจ VELA Cruise )
The Garrison Bangkok สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศ แบบ English Bar เก่าเก่า แต่ไม่จำเจ
The Garrison Bangkok สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศ แบบ English Bar เก่าเก่า แต่ไม่จำเจ
ที่ The Garrison เพิ่มอรรถรสในการนั่งชิล ด้วย วงดนตรี ตลอดทั้งคืน
.
มากกว่านั้น ร้านนี้ไม่ไช่ แค่บรรยากาศดี ดนตรีสดอาหาร ที่คัดสรร แต่เมนูที่ขึ้นชื่อ และหารับประทานได้ยาก อย่างเช่น สตูว ลิ้นวัว ที่เลือก มาเฉพาะส่วนแล้วนำมาเคี่ยวจนกว่ากลิ่นจะหอม หรืออีกหลากหลายเมนูที่พลาดไม่ได้ รู้แล้วรีบมากันนะครับ
.
Location: อารีย์-สะพานควาย
.
สำรองที่นั่ง: 087-960-4600
.
FB: @thegarrisonbangkok
.
สุดมันส์ ในย่านเลียบด่วน BLUEMOON ร้านสไตล์ เรโทร เพลงสากล ดนตรีสด เต็มวง
อาหารเครื่องดื่มเพียบ พร้อมทั้งคาราโอเกะให้ได้โชว์ลูกคออย่างครบครัน
มีบริการช่างภาพ สำหรับถ่ายภาพปาร์ตี้ส่วนตัว
ครบจบที่ BLUEMOON !
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 090-982-7757 , 096-183-9305
Location: โครงการ 25G
https://g.page/bluemoon25g?share
ที่จอดรถกว้างขวาง
สำรองที่นั่ง : 090-982-7757 , 096-183-9305
เวลาทำการ 16.00 - 02.00
เข้าฤดูหนาวแล้ว ได้เวลาออกชิล! วันนี้ขอแนะนำราคาจองตั๋วเครื่องบินคุ้มๆ กับแอร์เอเชีย✈️
จองเลย! https://app.airasia.com/F4uy/tv2f4lot
.
✅เส้นทางบินในประเทศ
ราคาสมาชิก airasia เริ่มต้นที่ 699 บาท (เที่ยวเดียว)
ราคาบุคคลทั่วไป 742 บาท
.
✅เส้นทางบินต่างประเทศ
ราคาสมาชิก airasia เริ่มต้นที่ 1,550 บาท (เที่ยวเดียว)
ราคาบุคคลทั่วไป 1,590 บาท
.
จองด่วน 21 พ.ย. 2565 - 27 พ.ย. 2565
เดินทาง 5 ธ.ค. 2565 - 30 มิ.ย. 2566
.
*โปรโมชั่นพิเศษมีจำนวนจำกัดและอาจไม่มีให้บริการในบางเที่ยวบินในและต่างประเทศของรหัสเที่ยวบิน FD และบางช่วงของวันหยุดยาว ราคาบัตรโดยสารไม่รวมค่าบริการเสริมและค่าธรรมเนียมต่างๆ ราคาที่แสดง/ปรากฎคือราคาถูกสุดเมื่อจองผ่าน airasia.com และ Mobile App เพียงสมัครสมาชิก airaisa ลดเพิ่ม 40 บาท เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัทฯ
.
**เส้นทางบินในประเทศ ราคาสมาชิก airasia เริ่มต้นที่ 699 บาท (เที่ยวเดียว) เริ่มเดินทางวันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
กระแสตอบรับดีเกินคาด!! DITP Berlin เปิดสอนสาธิตขั้นตอนปรุงอาหารไทยในเยอรมนี ตั้งเป้ารับสมัครเพียง 40 ราย แต่มีผู้สมัครจริงเกือบ 500 ราย!!
(21 พฤศจิกายน 2565) DITP Berlin หรือ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้แจ้งว่าโครงการ Tatse of Thai โครงการสาธิตการปรุงอาหารและร่วมทำอาหารไทยในเมืองเบอร์ลินได้รับการตอบรับดีอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย โดยเริ่มต้น ตั้งเป้าเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมเพียงแค่ 40 ราย แต่ปรากฎว่ามีผู้ให้ความสนใจสมัครถล่มทลายกว่า 427 ราย!
ขณะที่เพจ 'พ่อบ้านเยอรมัน' ได้ อธิบายเพิ่มเติมถึงเนื้อหาในงานว่า ผู้จัดได้สาธิตการปรุงอาหารไทย 3 เมนูยอดนิยม ประกอบด้วย"ยำส้มโอ ข้าวซอยไก่ และข้าวเหนียวมะม่วง" นอกจากนี้ยังมีการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่ม หรือ Food Pairing ณ Cooking Studio ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ผลปรากฏว่า ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย
โดยเป้าหมายของโครงการนี้คือ ต้องการขยายฐานลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เกิดความคุ้นเคย เชื่อมั่น ในรสชาติ และคุณภาพของอาหารไทย ตลอดจนสร้างการรับรู้ ภาพลักษณ์เชิงบวก และทัศนคติที่ดีให้แก่สินค้าอาหารไทยต่อไป
#TheStructureNews
#DITP #ThaiFood
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน DITP Berlin
ที่มา : เพจพ่อบ้านเยอรมัน
สาวๆ ห้ามพลาด ! เปิดกรุ 10 กระเป๋ายอดฮิต ช้อปส่งท้ายปี 2022
กระเป๋าไอเทมคู่กายผู้หญิงหลายคนในยุคนี้ เรียกได้ว่ากระเป๋าแต่ละใบ ก็มีเอกลักษณืที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแต่ละคน วันนี้ Cloud47x จะพามาเปิดกรุ 10 กระเป๋ายอดฮิต ส่งท้ายปี 2022 เผื่อสาวๆ คนไหนลังเลจะซื้อ จะได้รีบไปตำต้อนรับปี 2023 กัน เริ่มด้วยที่
.
1. Prada Cleo
สำหรับใครที่กำลังมองหากระเป๋าจาก Prada รุ่นใหม่ ๆ และเป็นนิยมในขณะนี้ คุณไม่ควรพลาด “Prada Cleo” ด้วยประการทั้งปวง ต้องบอกเลยว่ากระเป๋าใบนี้มาพร้อมกับความหรูหราที่ดูเรียบง่ายแต่โก้หรู พร้อมกับรูปทรงที่ดูโฉบเฉี่ยวคล่องตัวทั้งขนาดและในเรื่องของดีไซน์ก็ต้องยอมรับเลยค่ะว่าไม่สามารถละสายตาได้เลยจริง ๆ
.
2. Dior Caro
Dior Caro กระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสูง นอกจากจะใช้ดีไซน์ที่ช่วยสะท้อนความเป็นผู้หญิงแล้วก็ยังมีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความสวยงามเหนือกาลเวลาออกมาได้อย่างลงตัวสุด ๆ
.
3. Gucci Horsebit 1955
“Gucci Horsebit 1955” จากคอลเลกชัน Cruise 2020 และความพิเศษของกระเป๋าใบนี้ก็คือการดึงเอาการดีไซน์ Horsebit หรือที่เรียกกันว่าตะขอปากม้าที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1955 มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระเป๋าซึ่งนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกของ Gucci เลยค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่ากระเป๋าใบนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
.
4. YSL Saint Laurent Solferino
สำหรับรุ่นนี้ที่เราเลือกมาป้ายยาสาว ๆ ในวันนี้ก็คือรุ่น Solferino สำหรับสาว ๆ คนไหนที่เป็นบลิงค์ของวง Blackpink ก็คงจะจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะโรเซ่เองก็เคยสะพายกระเป๋ารุ่นนี้เช่นกัน ถึงจะมีขนาดที่เล็กหน่อยแต่ก็พอจะจุของใช้สำคัญ ๆ ได้หลายอย่าง ทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงาม เรียบแต่หรู แมทช์ได้ทุกลุค
.
5. Celine Triomphe
มาต่อกันที่แบรนด์สุดหรูสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Celine กันบ้างค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าพักหลังมานี้ Celine ก็กลายเป็นแบรนด์ที่ทุกคนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากเนื่องจากได้ลิซ่า Blackpink ซึ่งรุ่น Celine Triomphe สี Tan เป็นกระเป๋าสะพายไหล่ ที่มาพร้อมกับสายสะพายโซ่สีทองอร่ามที่มีน้ำหนักกำลังดี
.
6. Louis Vuitton Pochette Accessoires
Louis Vuitton Pochette Accessoires คือกระเป๋าแบรนด์เนมที่จัดให้เป็นแรล์ไอเท็มที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากและก็ในช้อปตอนนี้ก็ยังไมมีเข้ามาเลย สามารถใส่ของใช้ที่จำเป็นได้หลายชิ้น โดยที่ไม่เป็นผลต่อทรงกระเป๋าใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ สาว ๆ จะใช้แบบสะพายข้างก็ได้ระดับที่สวยเลิศหรือหากว่าสาว ๆ เบื่อการใช้งานแบบสะพายสาว ๆ จะถอดสายออกแล้วใช้งานแบบถือก็ดูเก๋เป็นสาวสายแฟไปอี๊ก
.
7. CHANEL 19 HANDBAG
สำหรับ CHANEL 19 ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นค่ะที่เป็นที่สุดแถมยังเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ภายในใส่ของใช้ได้เยอะมากเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่สุดค่ะสาว ๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือด้านหลังยังมาพร้อมกับช่องใส่ของที่เหมาะสำหรับใส่โทรศัพท์มือถือ โดยที่สาว ๆ ไม่จำเป็นต้องเปิดกระเป๋าให้เสียเวลา
.
8. Bottega Veneta Mini Jodie Bag
สำหรับรุ่นที่เราเลือกมานำเสนอในวันนี้ก็จะเป็นรุ่น Mini Jodie Bag ขนาดกะทัดรัด โดยรุ่นนี้จะมีด้วยกันหลากหลายสีมาก ๆ ค่ะ สาว ๆ สามารถเลือกได้ตามใจชอบทั้งสีสุดคลาสสิคอย่างสีดำหรือจะเป็นสีสันสดใสเพื่อให้ดูเข้ากับลุคที่ดูสนุกสนาน กระเป๋ารุ่นนี้ก็ให้คุณได้
.
9. Balenciaga Hourglass
alenciaga Hourglass กลายมาเป็นอีกหนึ่งกระเป๋าแบรนด์เนมที่มาแรงไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลย การใช้งานสามารถใช้ได้สองแบบค่ะคือแบบถือหรือจะสะพายก็ได้เช่นกันค่ะ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เตะตาสาว ๆ หลายคนคงจะไม่ใช่การใช้งานแต่คงจะเป็นรูปทรงของกระเป๋าใช่ไหมล่ะคะ เพราะว่ารุ่นนี้ดีไซน์ออกมาได้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ค่ะ มีความชิค เปรี้ยว ขี้เล่น และดูถือแล้วกลายเป็นสาวสายแฟมาก ๆ
.
10. Hermès Birkin
และสำหรับกระเป๋าแบรนด์เนมใบสุดท้ายก็จะแน่นอนค่ะว่าจะต้องเป็น Hermès Birkin กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูที่เงินแค่อย่างเดียวไม่สามารถจะได้กระเป๋ามาครอบครองอย่างง่าย ๆ สำหรับ Hermès Birkin นั้นเป็นกระเป๋าที่หลาย ๆ คนยอมจ่ายไม่ว่าจะมาด้วยราคาเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่เพราะได้ยากเท่านั้นแต่กระเป๋ารุ่นนี้ยังผลิตมาจากวัสดุขั้นสูง ใช้งานได้นานสุด ๆ
.
เป็นยังไงบ้างกับ 10 กระเป่า ที่สายแฟอย่างเราๆ ห้ามพลาด ใครมีใบไหน หรือยังไม่มีต้องรีบตำ ไม่งั้นตกกระแสแน่จ้า
.
แหล่งที่มา : https://bestreview.asia/best-brand-name-bags-popular-new-collection/
หลังจากเป็นปรากฏการณ์ Soft Power เกี่ยวกับอาหารไทยไปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับอาหารที่เชฟชุมพล แจ้งไพร รังสรรค์ไปเสิร์ฟขึ้นโต๊ะผู้นำเอเปค วันนี้ (21พ.ย.65) ร้าน R-HAAN ร้านระดับสองดาวมิชลินของไทย เปิดประสบการณ์ให้คนทั่วไปได้ลิ้มลองเมนูเหล่านั้นแล้ว
.
“ร้านอาหาร R-HAAN” ร้านระดับ 2 ดาวมิชลินต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นร้านได้รับโอกาสรังสรรค์เมนูสุดพิเศษ สำรับต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ 21 ประเทศ ภายใต้แนวคิด "Sustainable Thai Gastronomy - ภูมิปัญญาอาหารไทยอย่างยั่งยืน” คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากแหล่งผลิตท้องถิ่นทั่วประเทศไทย
.
ในวันนี้ “ร้านอาหาร R-HAAN" โดย เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหาร ขอนำเสนอเมนูสำรับ "ตามรอยผู้นำเอเปค 2022"
.
เมนูเดียวกับ สำรับต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ 21 ประเทศ มาให้ผู้สนใจได้รับประสบการณ์อาหารสุดพรีเมียมในแบบเดียวกัน
.
โดยในสำรับประกอบไปด้วย
.
อะมูสบุช เสิร์ฟในเมนู “กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียนคาเวียร์โครงการหลวงดอยอินทนนท์”
.
อาหารเรียกน้ำย่อย “Welcome To Thailand” นำเสนออาหารไทย 4 ภาค ขนาดพอดีคำ วางบนแผนที่ประเทศไทยประจำแต่ละภาค อันได้แก่
.
แอ่วเหนือ – ข้าวซอยหมี่กรอบไทยล้านนา
.
เที่ยวกลาง – ต้มยำทอดมันกุ้งแม่น้ำกรุงศรีอยุธยา
.
ยามอีสาน – โคราชวากิวย่างถ่านสมุนไพรจิ้มแจ่ว
.
ล่องใต้ – ไก่เบตงย่างกอและ
สลัด ในเมนู “ยำใหญ่ผักออแกนิก 9 อย่างจากวิสาหกิจชุมชนทั่วทุกภาคของเมืองไทย กับไก่ออร์แกนิกและกุ้งงมังกร 7 สีภูเก็ต พร้อมไข่เป็ดไร่ทุ่งเมืองสุพรรณบุรีดองดอกเกลือเมืองเพชร”
.
เมนคอร์ส เสิร์ฟข้าวพร้อมอาหาร 3 อย่าง อันได้แก่ “แกงมัสมั่นชาววังเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำสกลนครและผักไทยรวมราตาตูย” “ปลาเก๋ามุกออแกนิกจากทะเลภูเก็ต พร้อมซอสต้มข่าเห็ดรวมโฟมใบมะกรูด” “ข้าวหอมมะลิไทยจากทุ่งกุลาร้องไห้และข้าวกล้อง 9 ชนิดอบตะไคร้หอม”
.
ของหวาน 2 เมนู อันได้แก่ “ขนมหม้อแกงเผือกภูเขาและเม็ดบัวซอสผลไม้ไทย เสิร์ฟพร้อมกับซอร์เบท์เสาวรสน้ำผึ้งดอกลำไย”
พร้อมผลไม้ไทยและขนม 5 อย่าง” ได้แก่ ดาราทอง,ช็อคโกแลตไทยเชียงใหม่ไส้บรั่นดีไทยกระชายดำ, ขนมมะลิไส้มะพร้าว, มาการองลิ้นจี่, ขนมเปียกปูนใบเตย เสิร์ฟ์คู่กับชาเฟลอ ดู นอร์ท จากเมืองเหนือหรือยอดกาแฟเมืองน่าน
.
โอกาสพิเศษนี้มี เฉพาะวันที่ 21 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2565 เท่านั้น
.
ราคา 5,212++ บาทต่อท่าน
.
ร้าน R-HAAN
.
โทร. 095-141-5524 (13.00-17.00)
.
FB @RHAANThai
.
ฉลอง 100 ปี ช็อกโกแลต “Valthona” แบรนด์แห่ง "ความยั่งยืน" ชวนกินช็อกโกแลต ทั้งแบบอาหารคาว-หวาน
แบรนด์ ช็อกโกแลตจากชื่อดังจากฝรั่งเศส "Valrhona" (วาลโรห์น่า) จัดงานฉลองครบ 100 ปี พร้อมประกาศเป็นแบรนด์ "ช็อกโกแลต" แห่ง "ความยั่งยืน"
.
โดย Valrhona (วาลโรห์น่า) ถือกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส โดยเพสทรี่เชฟ Alberic Guironnet จาก Rhone Valley เมื่อปี ค.ศ.1922 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ Tain ในย่าน Hermitage ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกไวน์ AOC และผลิตชีสที่สำคัญในเขตเมืองลียง
.
ซึ่งปีนี้ Valrhon มีอายุครบ 100 ปี พัชรินทร์ เหมอังกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูร์เมท์วัน ฟู้ดส์เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าช็อกโกแลต Valrhon จัดงาน 100 years of commitment ที่ @Bar โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ชวนกินช็อกโกแลตหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารคาว-หวาน
.
Valrhona สร้างชื่อเสียงในฐานะช็อกโกแลตพรีเมี่ยม สำหรับเพสทรี่เชฟ หรือเชฟขนม ทำขนม-เครื่องดื่ม และจำหน่ายช็อกโกแลตบาร์หลายรสชาติ อีกทั้งเปิดโรงเรียนสอนเพสทรี่เชฟทำขนม Ecole du Grand Chocolat ปี 2015 เปิดสาขาที่บรุคลิน และอีก 2 แห่งในฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
.
ทั้งนี้เมื่อสองปีที่ผ่าน ช็อกโกแลตจากฝรั่งเศส ชูนโยบายแห่งความยั่งยืน โดยรับซื้อผลผลิตโกโก้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส จากแหล่งปลูกราว 80 พื้นที่ใน 22 ประเทศ โดยติดต่อกับคนปลูกโดยตรงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ตรวจสอบการปลูก การเก็บเกี่ยว การหมักผลโกโก้ ด้วยวิถียั่งยืน
.
และลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ในปีที่ผ่าน Valrhona เริ่มต้นปลูกโกโก้และจัดการผลผลิตโกโก้ของตัวเอง แห่งแรกในประเทศเวเนซูเอล่า และสาธารณรัฐโดมินกัน เพื่อให้ได้ผลผลิตและคุณภาพตามที่ต้องการ
.
ปี 2020 ได้ใบประกาศ B-Corp (Certified B Corporation, B-Lab) เป็นองค์กรเอกชนที่วางกฎเกณฑ์ภาคธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเพื่อชุมชนและรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อรับรองคุณสมบัติตามที่กำหนด โดยจะตรวจสอบการดำเนินธุรกิจทุก ๆ 3 ปี ปัจจุบันมีธุรกิจกว่า 5,697 บริษัท ใน 158 อุตสาหกรรม จาก 85 ประเทศที่ได้ใบรับรอง B-Crop
.
งานฉลองครบ 100 ปี Valrhona ชวนชิมอาหารคาวจากช็อกโกแลต 2 เมนู ได้แก่ ชอร์ตริบสตูว์ โดยเชฟอ่ำ - อิทธิ นิตยาพร แห่งโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ฯ ทำสตูว์จากเนื้อที่หมักโกโก้และซูวีอีก 36 ชั่วโมง ก่อนนำมาตุ๋นเป็นสตูว์ พร้อมเติม Valrhona Guanaja ดาร์กช็อกโกแลต 70% ลงไปเคี่ยวเพิ่ม เพื่อให้เนื้อสัมผัสมีรสหวานอมขอ เสิร์ฟกับมันฝรั่งพูรี และเมนูแซลมอนรมควัน ที่เพิ่มผงโกโก้ลงไปให้ได้กลิ่นและรส ของหวานได้แก่ ขนมชั้นแบบไทย ๆ ผสมช็อกโกแลต และขนมปาเล่ต์ ลอร์ (Palet L’or) แปลว่าก้อนทองคำ ทำจาก Valrhona Komuntu 80% สูตรเฉพาะจากเพสทรี่เชฟทั่วโลก 100 คน มาออกแบบช็อกโกแลตก้อนทองรูปหัวใจ เพื่อฉลองครบ 100 Years of commitment ประกาศคำมั่นสัญญาในการสร้างสรรค์ช็อกโกแลตแห่งความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้
.
ที่มา : https://www.valrhona-chocolate.com
ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/food/1038706
มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย เปิดรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ 2566 พบมีทั้งสิ้น 189 ร้าน ในจำนวนนี้มี 53 ร้านได้รับการจัดอันดับครั้งแรก
.
มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปลุกกระแสความสนใจก่อนงานประกาศผลรางวัลดาวมิชลินและการวางจำหน่ายคู่มือ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย
.
ฉบับประจำปี 2566 ด้วยการเผยรายชื่อร้านอาหารและสตรีทฟู้ดคุณภาพดีราคาย่อมเยาที่ผ่านการคัดเลือกจนได้รับสัญลักษณ์ "บิบ กูร์มองด์" (Bib Gourmand) ประจำปี 2566 โดยมีทั้งสิ้น 189 ร้าน แบ่งเป็นร้านใหม่ที่ได้รับจัดอันดับครั้งแรก 53 ร้าน
.
ในจำนวนร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับสัญลักษณ์บิบ กูร์มองด์ ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 82 ร้าน และอีก 13 ร้าน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
.
ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มีด้วยกัน 27 ร้าน และที่ภาคใต้ ในจังหวัดภูเก็ต 23 ร้าน, พังงา 11 ร้าน และ 33 ร้าน ใน 4 เมืองตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
.
อย่างที่ทราบกัน มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับประจำปี 2566 ได้ขยายขอบเขตการคัดเลือกร้านอาหารไปยังภาคอีสานเป็นครั้งแรก โดย 9 ร้านอยู่ในนครราชสีมา, 11 ร้าน ในขอนแก่น, 6 ร้าน ในอุบลราชธานี และ 7 ร้าน ในอุดรธานี
.
แนวคิดของสัญลักษณ์บิบ กูร์มองด์ เป็นการสื่อความหมายไปถึงร้านอาหารและร้านอาหารสตรีทฟู้ด ที่มีการนำเสนออาหารคุณภาพดี มีการจัดเตรียมที่พิถีพิถัน และที่สำคัญมีราคาไม่แพงไม่เกิน 1,000 บาท
.
จุดที่น่าสนใจของประเทศไทยอยู่ตรงที่ ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอาหารสตรีทฟู้ดที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ 2566 มากถึง 84 ร้าน ซึ่งจุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของอาหารไทย
.
และสามารถเรียกได้ว่าเป็นดินแดนสวรรค์ด้านสตรีทฟู้ด ในส่วนร้านอาหารระดับภัตตาคารได้รับ “บิบ กูร์มองด์” ทั้งสิ้น 105 ร้าน
.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/2555561
คนไทยไม่ต้องกักตัว ไต้หวันเอาใจนทท. ให้บัตร ซื้อชานมไข่มุก ช้อปปิ้งสินค้าฟรี
สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ หรือ กทท. เร่งเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ออกแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ในกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” พร้อมแนะ 3 ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่คนไทยต้องไปสัมผัส ตอกย้ำแนวคิด “ไต้หวัน หัวใจแห่ง เอเชีย” (Taiwan, The Heart of Asia) โดยคาดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไต้หวันปลายปีกว่า 18,000 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 450 ล้านบาท
คุณซินดี้ เฉิน (Cindy Chen) ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.)กล่าวว่า ไต้หวันเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ได้เดินทางเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมและเทศกาลที่หลากหลาย พร้อมดื่มด่ำกับความอร่อยของอาหารสไตล์ไต้หวันแท้ ๆ ซึ่งหลังจากเปิดประเทศตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางเข้ามาเที่ยวไต้หวันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ให้ความสนใจ เดินทางมาเป็นกรุ๊ปแรกๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนคิดถึงบรรยกาศของการท่องเที่ยวต่างประเทศ และไต้หวันนั้นเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่คนไทยนึกถึง
โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปีของการปิดประเทศที่ผ่านมา ไต้หวันได้มีการพัฒนาและเปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย พร้อมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปสัมผัสและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน สำหรับ 3 ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่รอให้ไปสัมผัสประสบการณ์ ได้แก่
Rongjin Gorgeous Time แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเป เดิมเป็นบ้านพักราชการระดับสูงในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน สถานที่แห่งนี้ยัง คงอัตลักษณ์การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ สีน้ำตาลเข้ม หลังคาลาดเอียงเรียบง่ายเรียงรายต่อกัน ภายในประกอบไปด้วยร้านค้ามากมาย อาทิ ร้านอาหาร Always Elegant ร้านขนมเบเกิล Good Cho’s ร้านขนม Jin Jin Ding ร้านแพนเค้กคาเฟ่ Kyushu และคาเฟ่ Simple Kaffa นอกจากนั้นยังมีร้านเช่าเสื้อผ้า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพเหมือนได้อยู่ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครอง อีกทั้งร้านของฝากที่รวบรวมของที่ระลึก รวมถึงร้าน Pet Shop เลือกของฝากสำหรับสัตว์เลี้ยง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า โดยมาลงที่สถานี Dongmen และเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น.
Babbuza Dreamfactory โรงงานเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับทุกคนในครอบครัว ตั้งอยู่ที่เมืองหนานโถว ไฮไลต์ของที่นี่คือ ต้นไม้ยักษ์ หรือ Tree of Life ที่มีความสูงถึง 30.8 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถไต่ระดับความสูงขึ้นไปบนพื้นใสๆ โดยการเดิน หรือถ้าใครชอบความแอดเวนเจอร์สามารถปีน “หน้าผาต้นไม้ยักษ์” หรือโรยตัวลงมาจากเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมไต้หวันผ่านจอ 5 มิติ ที่สัมผัสได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และจำลองการใช้ชีวิตของคนไต้หวันโบราณ ผ่านโรงจอดรถเล็ก ๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชม เปิดให้บริการเวลา10.00 – 18.00 น. และปิดบริการทุกวันอังคาร
Zhengbin Fishing Harbor หรือ “บูราโนแห่งไต้หวัน” ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะเหอผิง นครจีหลง เป็นท่าเรือที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวัน และเป็นหนึ่งในสถานที่ จัดงานแข่งเรือมังกรในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง และพบกับพิพิธภัณฑ์เรือประมงที่มีชื่อว่า “เรือศิลปะพื้นบ้าน” พิพิธภัณฑ์เรือแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนทะเล สำหรับอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ได้รับการเติมแต่งสีสันที่สวยสดงดงาม ในช่วงเวลาสาย ๆ จะพบกับเงาของอาคารสีสดสาดแสงส่องเป็นเงาลงมายังพื้นน้ำสีเขียวมรกตจนถูกเรียกขานกันว่าเป็น “บูราโนแห่งไต้หวัน” สถานที่ที่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงท่าเรือแห่งนี้ คือการกิน ชิกุวะสไตล์ไต้หวันที่เสียบไม้ย่างร้อน ๆ ที่รับรองว่าหอมอร่อยถูกปากรสชาติคนไทย โดยท่าเรือแห่งนี้เปิดทำการทุกวันและสามารถเดินทางมาได้ด้วย Taiwan Tourist Shuttle
คุณซินดี้ กล่าวเสริมว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจเดินทางมาไต้หวัน การท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบทัวร์ ผ่านกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” โดยนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพคเกจทัวร์ไต้หวัน ขั้นต่ำ 24,000 บาทกับบริษัททัวร์ที่ร่วมรายการ จะได้รับบัตร Easy Card บัตรที่นิยมใช้ในไต้หวันสามารถใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อชานมไข่มุก มาสก์หน้า ช้อปปิ้งสินค้าในตลาดกลางคืนในมูลค่า NT$599 และของที่ระลึกสำหรับการเดินทางอีก 1 ชุดทันที อีกทั้งคนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่จำเป็นที่จะต้องกักตัว ไม่มีการระบุเงื่อนไขด้านวัคซีน และไม่ต้องขอวีซ่าการเดินทาง เพียงแต่ขอความร่วมมือในการตรวจ ATK ที่ได้รับจากทางสนามบินเมื่อเดินทางถึงไต้หวัน และขอความร่วมมือให้ตรวจทุก 2 วันหากมีการออกนอกที่พัก
“ไต้หวัน ยินดีและพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ให้ได้สัมผัสกับสถานที่ที่สวยงาม เทศกาลต่าง ๆ ตลอดจนวัฒนธรรมและอาหารที่หลากหลาย รอให้ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวได้มาค้นหาและได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม สมกับเป็นจุดมุ่งหมายที่ขึ้นชื่อว่าหัวใจแห่งเอเชีย (The Heart of Asia) อย่างไรก็ดีภายหลังจากเปิดประเทศอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยมาตรการและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ คาดว่าในสิ้นปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศกว่า 18,000 ราย และสร้างรายได้กว่า 450 ล้านบาท” คุณซินดี้ กล่าวทิ้งท้าย
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ โดยจัดทริปท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง บินแบบเช่าเหมาลำ หรือเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ผ่าน ในงาน Thailand International Travel Fair (TITF) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 และหากต้องการทราบข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไต้หวันสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism Bureau TH Instagram : taiwantourism.bkk
ที่มา บางกอกทูเดย์