‘เอสโตเนีย’ พร้อมเปิดประตูต้อนรับ สถานที่เที่ยวแห่งและความทรงจำทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าใครที่ได้มาเยือนก็ต้องตกหลุมรักในประเทศนี้

เอสโตเนีย หนึ่งในประเทศยุโรปตะวันออกที่มีเสน่ห์ชวนให้ผู้มาเยือนหลงรัก จากดินแดนภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในหลายทศวรรษก่อน สามารถก้าวข้ามมาสู่การเป็นประเทศพัฒนาได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 20 ปี แถมยังเป็นประเทศที่มีระบบดิจิทัลสุดทันสมัย

.

อย่างไรก็ตาม ความทันสมัยล้ำยุค หรือการพัฒนาของประเทศ ก็ไม่ได้ละทิ้งความงามเก่าแก่ของอดีต โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าของ “ทาลลินน์” (Tallinn) เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังคงความเข้มขลังในวันวานได้อย่างน่าทึ่ง เหมาะแก่การเป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวทำความรู้จัก “เอสโตเนีย”

.

ต้นกำเนิดของ “ทาลลินน์” ต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 ปราสาทโบราณถูกสร้างขึ้นที่นั่นโดยอัศวินทิวทัน ที่ซื้ออาณาจักรจากกษัตริย์เดนมาร์ก ก่อนพัฒนาเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของสันนิบาตฮันเซอ ฉายภาพแห่งความมั่งคั่งของอาคารสาธารณะ โบสถ์ และสถาปัตยกรรมอันวิจิตร ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงในปัจจุบัน แม้จะผ่านไฟสงครามในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาก็ตาม

.

เสน่ห์อันลึกลับของทาลลินน์ ส่วนหนึ่งยังมาจากในยุคสงครามเย็น เมืองนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่สหภาพโซเวียตกับประเทศประชาธิปไตยฝั่งตะวันตกใช้เป็นจุดเชื่อมต่อ หรือเผชิญหน้ากัน ว่ากันว่าถนนที่รายล้อมไปด้วยอาคารเก่า และโบสถ์สไตล์กอทิกในยุคกลางของศตวรรษที่ 13 นั้น ขวักไขว่ไปด้วยสายลับจากทุกฝ่าย ที่รอคำสั่งเพื่อปฏิบัติการ และกล้อง Minox ขนาดจิ๋วเท่ากล่องไม้ขีดไฟ ที่เราอาจเห็นในภาพยนตร์สายลับ ก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นจากเมืองนี้อีกด้วย

.

ผู้มาเยือนจากทั่วโลก มาเยือนเมืองหลวงแห่งนี้ จะได้เจอศูนย์กลางธุรกิจที่มีอาคารโมเดิร์น โรงแรมหรู ย่านทันสมัย และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่เมื่อเดินทางไปสู่เขตเมืองเก่าทาลลินน์ จะกลายเป็นความรู้สึกอีกแบบ เพราะเป็นเมืองยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ ความงามยอดแหลมอาคารสไตล์กอทิก ถนนหินกรวดแบบดั้งเดิมที่มีโบสถ์ยุคกลางช่างน่าประทับใจ เป็นเส้นทางคดเคี้ยวให้ความรู้สึกลึกลับและเคร่งขรึม ขนาบไปด้วยสถาปัตยกรรมย้อนยุค

.

ครั้งหนึ่ง เมืองเคยเป็นบ้านของคหบดีผู้มั่งคั่งที่มาตั้งรกราก ทั้งจากเยอรมนี เดนมาร์ก ฯลฯ แต่เมืองเก่าทาลลินน์ในวันนี้ คือ จุดหมายยอดฮิตจากทั้งคนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวนานาชาติ เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์ พิพิธภัณฑ์ และหอศิลปะ ที่เติมชีวิตชีวาให้กับใจกลางเมืองประวัติศาสตร์

.

ทาลลินน์ มีความแตกต่างจากเมืองหลวงอื่นๆ ในยุโรป ที่สามารถอนุรักษ์โครงสร้างต้นกำเนิดจากยุคกลางและฮันเซียติกไว้ได้ทั้งหมด ผังเมืองตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสาธารณะ เช่น กำแพงเมือง St. Nicholas Church, Town Hall Square ร้านขายยา โบสถ์ อาราม สมาคมพ่อค้า ร้านช่างฝีมือ ป้อม Toompea โบสถ์ Alexander Nevsky และสถาปัตยกรรมของบ้านคหบดียุคกลาง ซึ่งยังคงเหลืออยู่ราวกับย้อนกลับไปยุคอดีต กระจายตัวไปตามผังเมืองได้อย่างสมบูรณ์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-14

.

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี ค.ศ. 1990 เอสโตเนีย เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนมากขึ้น ไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศ และทาลลินน์ ก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ผู้คนได้เห็นความวิจิตรที่ซ่อนตัวมานาน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เมืองเก่าทาลลินน์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997

.

ที่มารูป : Kaupo Kalda.

ที่มา : https://mgronline.com/travel/detail/9650000116182